วันอังคารที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2551

คิดกว้าง มองไกล ทันสมัยเฉียบคม "ผู้นำองค์กรยุคใหม่"

อย่างที่ทราบ ๆ กันดีอยู่แล้วว่า ทุกวันนี้โลกกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงในทุก ๆ ด้าน ยิ่งนับวัน...ก็ยิ่งทวีความรุนแรง จนต้องกลับมาคิดทบทวนว่า เราจะอยู่ร่วมกันท่ามกลางกระแสของการเปลี่ยนแปลง ความขัดแย้ง แนวความคิดที่แตกต่าง แต่ลงตัว และสมดุลได้อย่างไร? โจทย์เหล่านี้เกิดมาร่วม 20 ปีแล้ว ในช่วงแรก ๆ การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นไม่มากนัก มาช่วงหลังเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ทั้งคน ทั้งสิ่งแวดล้อม ดูเหมือนจะถ่วงดุลเพื่อให้ไปพร้อม ๆ กันได้ สาเหตุมีอยู่ด้วยกัน 7 ประการ ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญอันได้แก่ โลกาภิวัฒน์ของตลาดและเทคโนโลยี การเชื่อมต่อกันได้ทั้งโลก ข้อมูลความคาดหวังที่เป็นประชาธิปไตย การแข่งขันทวีความรุนแรงและเข้มข้น ความั่งคั่งที่เปลี่ยนจากการลงทุนด้วยเงินมาเป็นปัญญาแทน คนรักงานอิสระมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงของโลกที่รุนแรง
โลกาภิวัฒน์ของตลาดและเทคโนโลยี ความทันสมัยของเทคโนโลยีกำลังมีบทบาทและเพิ่มมากขึ้นในการเปลี่ยนแปลงทุกบริบท โลกอินเตอร์เน็ต กลายเป็นแหล่งรวมหรือทะเลความรู้ ความหลากหลาย การเข้าถึงเป็นปัจจัยสำคัญ ที่เปลี่ยนโลกของตลาดชุมชน ท้องถิ่น สู่การตลาดภูมิภาคและประเทศ เชื่อมโยงจนกลายเป็นการตลาดโลก โลกทั้งโลกกลายเป็นหมู่บ้าน ชุมชนที่แคบลงทันที รวดเร็ว รุนแรง และเร่งเร้า
การเชื่อมต่อกันได้ทั้งโลก จากเดิมเป็นการรวมกิจกรรมต่าง ๆ ทางธุรกิจเอาไว้ด้วยกัน มาบัดนี้ล่มสลายไปในชั่วพริบตา ด้วยการเชื่อมต่อกันได้ทั่วโลก ทุกแห่งหน ธุรกิจสามารถแยกส่วนและข้อมูลออกจากกัน และเชื่อมโยงด้วยระบบเทคโนโลยีการสื่อสารที่พัฒนารวดเร็วเพียงปลายนิ้วสัมผัส น่าตกใจอย่างที่ไม่เคยมีมาในประวัติศาสตร์มาก่อน
ข้อมูลและความคาดหวังที่เป็นประชาธิปไตย ไม่มีใครสามารถบริหาร หรือจัดการระบบการเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารด้วยเทคโนโลยี เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ และส่งผลอย่างลุ่มลึกในระดับโลก ความรู้สึกที่ซ่อนในห้วงจิตสำนึกของคน สามารถแสดงออกได้อย่างอิสระ เป็นวินาทีต่อวินาที ทำให้เกิดเปลี่ยนแปลงความคาดหวังของสังคม นโยบาย การเมืองในที่สุด และแน่นอน ต้องกระทบถึงตัวบุคคล ทั้งแนวความคิด และวิธีปฏิบัติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การแข่งขันทวีความรุนแรงและเข้มข้น การแข่งขันเพิ่มทวีความรุนแรงอย่างรวดเร็ว ระบบการเชื่อมโยงทางด้านเทคโนโลยี และเทคโนโลยีดาวเทียมทำให้เกิดการติดต่อที่แสนง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส กลับกลายเป็นคู่แข่งได้ทันที องค์กรต่าง ๆ ต้องพัฒนา ขีดความสามารถ รวมถึงวิธีคิด วิธีทำงานที่ดีกว่าเดิมอย่างเอาจริงเอาจัง เข้มข้น เพื่อพัฒนาแข่งขันกับค่าแรงที่ลดลง ค่าใช้จ่ายวัสดุที่ลดลง นวัตกรรมที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าเดิม ประสิทธิภาพสูงขึ้น และคุณภาพที่สูงและคุ้มค่า พลังของการแข่งขัน และการประกอบการแบบเสรี จะผลักดันให้คุณภาพสินค้าและบริการดีขึ้น ค่าใช้จ่ายลดลง เป็นพลังผลักดันให้เกิดความรวดเร็วคล่องตัว ยืดหยุ่น เพื่อสนองตอบความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย การตั้งเป้าหมายมาตรฐานเพียงระดับที่สู้คู่แข่งได้ หรือ เพื่อ “ความเป็นเลิศ” นั้นเห็นทีจะไม่เพียงพอ หรือน้อยไปเสียด้วยซ้ำ เราจะต้องตั้งเป้าหมายระดับ “มาตรฐานโลก หรือระดับสากล (Global Standard)” เป็นเป้าหมายขององค์กร
ความมั่งคั่งที่เปลี่ยนจากการลงทุนด้วยเงินมาเป็นปัญญาแทน การสร้างความมั่งคั่งที่เคยยึดติดกับตัวเงิน ที่ใครมีสายป่านยาวย่อมเป็นต่อ มาบัดนี้เปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง กลับกลายเป็นการเคลื่อนย้ายจากทุนที่เป็นตัวเงินมาเป็นทุนทางปัญญาและสังคม หรือทุนมนุษย์ (Human Capital) องค์กรใดยังหลงมองว่าคนเป็นภาระ ค่าใช้จ่าย หรือต้นทุน (Cost) เพราะปัจจุบันนี้มูลค่าที่เพิ่มขึ้นของตัวสินค้า เกิดจากการอาศัยองค์ความรู้ที่เกิดจากคนทั้งสิ้น ซึ่งแตกต่างจากเมื่อยี่สิบปีที่แล้วกว่า สามเท่าตัวทีเดียว
คนรักงานอิสระมากขึ้น คนรู้ข้อมูลมากขึ้น ตระหนักและสำนึกดียิ่งกว่าเดิม มีทางเลือกมากมาย ตลาดส่วนใหญ่กลายเป็นตลาดที่รองรับการทำงานอิสระ คนเริ่มรู้ทางเลือกต่าง ๆ มากขึ้น และขัดขืนต่อการที่ฝ่ายบริหารจัดการขององค์กรพยายามที่จะตีตราให้ แต่คนส่วนใหญ่มุ่งมั่นที่จะ “สร้างแบรนด์” ให้กับตนเองมาก และจะยิ่งมากขึ้นเป็นลำดับ
การเปลี่ยนแปลงของโลกที่รุนแรง ขณะนี้เป็นภาวะของโลกการเปลี่ยนแปลง ทุกคนอาศัยบนโลก ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลง และผกผันอย่างต่อเนื่อง ทุกคนต้องการสิ่งที่ช่วยในการชี้นำการตัดสินใจ แต่ละคนต้องเข้าใจอย่างละเอียดลึกซึ้งด้วยตนเองว่า จุดหมาย และหลักการที่เป็นเครื่องนำทางของทีมงานหรือองค์กรคืออะไร? หากยังพยายามที่จะบริหารจัดการคน คนก็จะไม่ฟังเสียงคุณ! เพราะคนเหล่านั้นเผชิญกับสิ่งต่าง ๆ มากเกินกว่าจะฟังคุณ เขาเหล่านั้นต้องเผชิญกับสิ่งต่าง ๆ ที่กระทบ ภาระความเป็นอยู่ ความรวดเร็วของปัญหาที่เกิดขึ้น และเปลี่ยนแปลงทุก ๆ วินาที ที่ไม่หยุดนิ่งให้ต้องรอ หรือทิ้งช่วงฟังคุณ
เห็นหรือยังครับ...ว่าสิ่งที่กำลังเกิด และจะเกิดในอนาคตนั้น เป็นกระแสที่พรั่งพรู ถ้าเปรียบสายธารของน้ำ ก็อยู่ระหว่างที่กระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกราก การที่องค์กรจะอยู่ได้นั้น และสามารถประคับประคองนาวาที่อาศัยอยู่ให้ถึงปลายทางได้อย่างรอดปลอดภัย ต้องอาศัยผู้ที่ถือหางเสือที่มีความรู้ ความชำนาญ ทักษะ และประสบการณ์ในองค์กรนั้น ๆ ลูกเรือเองก็ต้องมีการรวมกำลังให้พร้อมเพรียงเพื่อพายให้เรือฝ่าเกลียวคลื่นที่รวมกันซัดสาด ลูกแล้วลูกเล่า..อย่างต่อเนื่อง ไหนจะคลื่น ไหนจะลม ไหนจะฝน ต้องแบ่งแยกหน้าที่ให้ชัดเจน และพร้อมที่จะสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนหน้าที่กันได้ ในยามคับขันอย่างลงตัว สมดุล ชาญฉลาด และมีวินัย
เกลียวคลื่นที่สาดซัด แรงลมที่กรรโชกแรงบ้างเบาบ้าง สายฝนที่พร่างพรู เรือที่มีผู้คนอาศัยอยู่จำนวนมาก น้ำที่ขังอยู่ในเรือ เป็นภาระอันยิ่งใหญ่ของผู้ถือท้ายเรือ เฉกเช่นองค์กรในยามวิกฤต ผู้นำองค์กร ต้องเป็นผู้นำที่เพียบพร้อมด้วย ความซื่อสัตย์ สุจริต ทั้งวิธีคิด และการปฏิบัติ สื่อสารได้อย่างชัดเจน และสร้างความเข้าใจได้ง่าย ในภาวะวิกฤติไม่มีเวลาตีความ ไม่มีเวลาเข้าใจได้หลาย ๆ ประเด็น ต้องชัดเจน ชัดถ้อย ชัดคำ นำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้องตรงกัน มุ่งเน้นที่คน อย่ามองคนในเรือเป็นภาระ ทุกคนมีความสำคัญในระดับที่ต่างกันไป แต่ขาดคนใดคนหนึ่งไม่ได้ มีวิสัยทัศน์ มองต้องกว้าง มองให้รอบ คิดไปไกล ๆ อย่าคิดว่าวันนี้อยู่รอด วันข้างหน้า สามปี ห้าปี สิบปี จะเป็นอย่างไร? มีความเอื้ออาทรต่อคนในเรือ เพราะทุกคนเคยทุกข์ เคยสุข เมื่อยามถึงฝั่งอย่ามองคนนั้น คนนี้ไม่สำคัญ เพราะสุดท้าย ทุกคนก็จะมองคุณไม่สำคัญเช่นกัน ตัดสินใจต้องเก่ง แม่น และรวดเร็ว เพราะโอกาสที่เรือจะรอดจากเกลียวคลื่นแต่ละครั้ง สายฝนที่กระหน่ำ แรงลมที่กรรโชก ล้วนแล้วแต่มีเวลาสั้น ๆ ทั้งนั้น
ดังนั้นการตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลที่ชัดเจน ทันสมัย และมีหลักการเท่านั้น จะช่วยได้ การทุ่มเท การเสียสละ การมีวินัย เป็นแบบอย่างที่ทุกคนในเรือมองดูและพร้อมที่จะเชื่อฟังปฏิบัติตาม หากแบบอย่างผิดพลาด เรือทั้งลำก็อับปาง ในภาวะวิกฤตก็ดี ยามปกติก็ดี ผู้ถือท้ายเรือต้องเป็นนักสร้างแรงจูงใจให้กับลูกเรือ ยามวิกฤติที่เกลียวคลื่นถาโถม กำลังใจของลูกเรือ กำลังแกว่งโยน ผู้ถือท้ายเรือเท่านั้นที่ต้องแสดงให้เห็นว่าการทุ่มเทแรงกาย แรงสติปัญญา ส่งผ่านไปยังเขาเหล่านั้น การสร้างสิ่งเล้า การสร้างแรงจูงใจให้ฝ่าฟันมรสุมแต่ละครั้ง มันยิ่งใหญ่กว่ารอใครช่วยเหลือ ความเชี่ยวชาญของผู้นำ เป็นปัจจัยอันล้ำลึก จำเป็นต้องได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดความชาญฉลาดในทุกด้าน ลูกเรือคนไหนชำนาญอะไร สามารถใช้ได้ ถูกต้องถูกที่ ถูกทาง และถูกเวลา กล้าที่จะใช้ กล้าที่จะสั่ง กล้าที่จะบอก งานไหนที่ต้องการใครผู้นำต้องรู้ ต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ และท้ายที่สุด ในยามวิกฤตที่เกิดขึ้น หรือยามคลื่นลมสงบ อย่างไรเสีย ฝนยังตกพรำ ๆ ผู้นำต้องคิดคำนึงถึงทุกเรื่องอย่างบูรณาการ พัฒนาความฉลาดทางด้านปัญญา ด้วยการเรียน การสอน การศึกษา อย่างต่อเนื่อง เป็นระบบ และมีวินัย การรู้จักตนเองให้มากขึ้น (การทำให้สมมุติฐานมีความชัดเจน) และการเรียนรู้ด้วยการสอนผู้อื่น การลงมือปฏิบัติ และสร้างนิสัย เชื่อหรือไม่ว่า ความล้มเหลวของการเป็นผู้นำ ร้อยละ 90 เกิดจากความบกพร่องทางลักษณะนิสัย... เริ่มคิดก่อน ทำก่อน ย่อมได้เปรียบ คิดก่อน ทำก่อนไม่รอบคอบ ไม่ครอบคลุมกลับเสียเปรียบ สองอย่างอยู่ใกล้กันมาก ดังนั้น การสร้างนิสัย คิดก่อน ทำก่อน ละเอียด รอบคอบ มีวินัย คิดเองได้เลย ทำเองได้เลย ลงมือเดี๋ยวนี้ที่ตัวเอง ไม่มีค่าสมัคร ไม่มีค่าเช่า ลงมือทำเถิดครับ!

ไม่มีความคิดเห็น: