วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2553

ขายมะม่วงอ่อน : จิตวิณญาณของไร่สินธนาทำมะม่วงมืออาชีพ

กุมภาพันธ์ เป็นเดือนที่พี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีน มีความสุข เนื่องมาจากเป็นช่วงตรุษจีน เป็นปีใหม่ที่ทุกคนหวังว่าอะไร ๆ จะดีขึ้น ขออำนาจคุณพระศรีรัตนไตร สิ่งศักสิทธิ์ที่ทุกท่านเคารพนับถือ จงดลบรรดาลให้ เกษตรกรทุกท่าน ผู้ส่งออก และผู้ที่เป็นแฟนประจำคลอลัมของผม “ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ ฮวกใช้: ปีใหม่ขอให้ทุกอย่างสมหวัง ปีใหม่ขอให้ร่ำรวย, เจาไฉจิ้นเป้า: เงินทองไหลมาเทมา ทรัพย์สมบัติเข้าบ้าน, ฟู๋ลู่ซวงฉวน: ศิริมงคลเงินทองอำนาจวาสนา และ จู้หนี่เจี้ยนคัง: ขอให้คุณสุขภาพแข็งแรง” นะครับ!
เดือนมกราคมที่ผ่านมา หลังจากปีใหม่หยุดกันยาวหลายวัน สถานการณ์มะม่วงช่วงที่ผ่านมาดูไม่ค่อยราบรื่นเท่าที่ควร มีลูกค้า และคนที่สนิทชิดเชื้ออย่างน้อย 3 ท่าน โทรมาปรารภให้ฟัง น่าสนใจครับ! ลูกค้าที่มาเมืองไทย เล่าให้ฟังว่า มะม่วงที่ส่งเข้าไปมาเลย์ช่วงก่อนปีใหม่ และหลังปีใหม่ 1 สัปดาห์ เกิดอะไรขึ้นราคาถูกกว่ามะม่วงในเมืองไทย เกลื่อนตลาดขายไม่ออก รายที่สองแจ้งมาจากเซี่ยงไฮ้ว่า มะม่วงวางกองเต็มไปหมดราคาถูก ขายไม่ออก รายที่3 แจ้งจากรัสเซีย มะม่วงเต็มตลาดราคาถูก จากนั้นผมก็ได้พูดคุย และวิเคราะห์ร่วมกัน ได้เหตุผล หลักอยู่ 3 ประการ คือ มะม่วงที่ขายไม่ได้ เป็นมะม่วงอ่อน ประการที่ 2 มะม่วงที่กองเกลื่อนไปหมดเป็นมะม่วงเกรดรอง ประการที่ 3 ช่วงที่ว่านี้อากาศหนาวจัด หิมะตก คนไม่ออกมาซื้อของ ทั้งยุโรป จีน รัสเซีย แม่น้ำเป็นน้ำแข็ง ลองมาดูเหตุผลแต่ละข้อดูซิว่าเกิดอะไรขึ้น กับมะม่วงน้ำดอกไม้ไทย!!!
มะม่วงอ่อน : ปัญหาที่เป็นมะเร็งขั้นสุดท้ายที่ยากต่อการเยียวยา ทำไม? ผมถึงกล่าวรุนแรงขนาดนั้น เพราะผมเห็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในลักษณะนี้กับทุเรียนมาแล้ว ในปลายปี 2552 คาบเกี่ยวต้นปี 2553 ทุกพื้นที่มีปัญหา มะม่วงน้ำดอกไม้ ขาดช่วงอันเนื่องมาจาก ระหว่างเดือนกันยายนของปีที่แล้ว ฝนตกติดต่อในช่วงทำดอก ทำให้เกิดปัญหาหนัก ที่ผ่าฝนมาได้ก็เหลือเพียงนิดหน่อย อีกทั้งผิวพรรณลายไม่สวย เมื่อถึงช่วงปลายเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นเทศกาลคริสต์มาส และปีใหม่ ผู้ส่งออก ชาวสวนร่วมแรงร่วมใจกันเก็บ อ่อนแก่ไม่สนใจ เพราะราคาดี แถมผมยังไปเจอ พี่ท่านเก็บเอาหมด อ่อนลูกยังไม่เต็ม เม็ดยังไม่แข็ง มีดฟันยังขาด(ทดสอบแบบชาวบ้าน) ให้ราคาสูง เรื่องราคาสูงยังพอรับกันได้ แต่มะม่วงยังไม่แก่ ทำให้รสชาติไม่ได้มาตรฐานอันนี้รับไม่ได้ หลายต่อหลายบริษัทเปลี่ยนนโยบายเอาของให้ลูกค้า อ่อนชั่งมัน ไว้แก้กันข้างหน้า อันนี้ถือว่าขาดจิตสำนึก ขาดความรับผิดชอบด้วยกันทุกฝ่าย และเป็นยิ่งกว่ามะเร็งที่ทำร้ายอาชีพเกษตรผู้ปลูกมะม่วงชนิดร้ายแรงขั้นสุดท้าย หากยังคงเป็นอย่างนี้ ผมเชื่อว่าไม่เกินสามปีข้างหน้า เราจะพบกับจุดจบของมะม่วงน้ำดอกไม้ไทยครับ ขอเถอะครับมันไม่ทำให้ใครรวยเพิ่มสักเท่าไร ได้ไม่เท่าเสีย เล่นกับใครไม่เล่น เล่นกับผู้บริโภค แล้วจะเสียใจภายหลัง กลัวแต่คนที่ทำแล้ว...เลิกปลูกมะม่วง คนที่ส่ง...เลิกกิจการปล่อยให้เกษตรรุ่นหลัง ผู้ส่งออกรายอื่น ๆ ที่ตั้งใจทำ มีความรับผิดชอบ ต้องเจ็บปวดรับกรรมไปด้วยนานแสนนาน...
มะม่วงเกรดรอง : ดาบสองคมที่ต้องให้ความสนใจ หลายคนมองว่ามะม่วงเกรดรองเป็นทางออกที่ง่ายที่สุดที่ดีกว่าส่งแช่แข็ง เพราะผิวยังคงดีในระดับตลาดรองลงมา ราคาย่อมเยาว์ แต่ช่วงที่ผ่านมา มะม่วงเกรดรองที่ส่งไปตลาดเพื่อนบ้าน หลายคนมองว่าอะไรก็ได้ ขอให้เป็นมะม่วง อันนี้มองผิดครับ เพราะตลาดเพื่อนบ้านนั้นต้องการของถูก แต่ยังคงมีคุณภาพคือผิวยังรับได้รสชาติรับได้ เนื่องจากมะม่วงเกรดรองเกิด และอ้างอิงจากมะม่วงเกรดเอ เพราะหากคัดเกรดเอเพื่อส่งตลาดระดับสูง เกรดรองจะถูกคัดสรรเพื่อส่งตลาดมาเลย์โดยตรง หรือผ่านไปสิงคโปร์ หรือจีน ที่เป็นตลาดเกรดรอง เมื่อมะม่วงเกรดเอเก็บในลักษณะมะม่วงอ่อนไม่ถึง 75 % ลอยน้ำครึ่งลูกอะไรทำนองนี้ เกรดรองจะมีมหาศาลเนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าว อย่างที่บอกช่วงออกดอกฝนตก ฉะนั้น ในช่างปลายปี และต้นปี กว่าจะได้มะม่วงเกรดเอ สัก 1 ตัน ต้องคัดมะม่วงทั้งหมดมากกว่า 10 ตัน แล้วมะม่วงเกรดรองที่สามารถส่งได้ ไม่น้อยกว่า 4 ตัน ทำให้ทะลักไปสู่ตลาดที่ว่ามหาศาล ไม่แปลกที่เห็นมะม่วงเกลื่อนตลาดเพื่อนบ้าน ที่สำคัญราคาขายถูกกว่าราคาต้นทุนที่ซื้อจากเกษตรกรเสียด้วยซ้ำ ลูกค้ามาจากมาเลย์คุยกับผม และถามผมว่า ทำไม? มะม่วงที่มาเลย์ถูกกว่าราคาที่สวนขายอีก มันเกิดอะไรขึ้น เขามองว่าผมขายของราคาแพง ทั้งหมดที่เล่าให้ฟังคือคำตอบครับ
อากาศหนาว : เป็นสาเหตุทำให้ยอดขายไม่เป็นไปอย่างคาดหวัง ปีนี้ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นรุนแรงนักวิชาการหลายคนออกมาสรุปตรงกันว่า สภาวะโลกร้อนทำให้อากาศเปลี่ยนแปลง แต่นักวิชาการบางกลุ่มก็ออกมาบอกว่าไม่ร้ายแรงขนาดนั้น สื่อนำเสนอทำให้เกิดความแตกตื่น ก็สุดแล้วแต่ใครจะมอง แต่ที่แน่ ๆ ในยุโรป อเมริกา จีน รัสเซีย หิมะตก อากาศหนาวเย็นจัด น้ำในแม่น้ำแข็งเดินเล่นได้ ส่งผลให้คนไม่ออกมานอกบ้าน ไม่จับจ่ายใช้สอย ที่สำคัญ คนทำมะม่วงต้องระวัง เรื่องของระดับความสุกงอม ที่เมื่อไปถึงแล้วไม่ยอมสุก ดังนั้น ผู้ส่งออกต้องศึกษาให้ละเอียดรอบคอบ เรื่องมะม่วงอ่อนก็เป็นปัจจัยหลัก และถ้าอากาศหนาวเย็นยิ่งจะทำให้มะม่วงไม่สุกยิ่งไปกันใหญ่ ดีไม่ดีไม่ยอมสุก เน่าเสียก่อน ต้องระวัง ทางที่ดี คัดมะม่วงระดับความแก่ที่เหมาะสม และควรเก็บมาพักที่โรงคัดบรรจุในเมืองไทยอย่างน้อย 2 วัน และแจ้งให้ลูกค้าเข้าใจชัดเจนว่า เมื่อถึงแล้วควรเก็บไว้ในห้องอุณภูมิ ระหว่าง 20-24 ๐ C ให้สุกก่อนแล้วค่อยเอาไปส่งขาย สิ่งเหล่านี้เป็นเกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ต้องรู้ให้คำปรึกษากับลูกค้า และเกษตรกรอย่างชัดเจน ให้เข้าใจตรงกัน แม้แต่ในเมืองไทยเองก็มักพบเจอ เมื่อซื้อมะม่วงมายังไม่สุก เก็บเข้าตู้เย็น หลายวันมารับประทาน ยังไม่สุก เปรี้ยว ในที่สุดเน่าเสียก่อนที่จะสุก อันนี้ต้องอธิบายให้เข้าใจว่า ควรวางข้างนอกให้สุก ก่อนรับประทานให้ใส่ตู้เย็นสัก 1-2 ชั่วโมง เอาออกมารับประทาน จะได้รสชาติหวานเย็นชื่นใจ และเมื่อรับประทานไม่หมดให้เอาหนังสื่อพิมพ์ห่อเก็บไว้ด้านล่าง อย่าไว้ชิดกับช่อง เยือกแข็ง อย่างนี้จะได้ลิ้มรสชาติมะม่วงที่แท้จริงครับ

ผมขึ้นหัวเรื่องว่า มะม่วงอ่อน:จิตวิณญาณของคนทำมะม่วงมืออาชีพ ที่ขึ้นอย่างนั้น เพราะผมได้รู้จัก หนุ่มสาวสองสามีภรรยา ที่เป็นทั้งผู้ผลิตมะม่วง และผู้รวมรวมมะม่วงซึ่งผมรู้จัก ติดตาม และมีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้กัน มานานกว่า 4 ปี ตลอดระยะเวลาที่รู้จัก ก็เห็นและรับรู้พัฒนาการที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ทั้งในด้านความขยันอดทน ความมุ่งมัน ความรับผิดชอบ ความซื่อสัตย์ และความมีวินัย ไฝ่รู้ จิตใจดีงาม จึงอดไม่ได้ที่จะหยิบมาเป็นตัวอย่าง และบอกกล่าวต่อสังคม ให้เห็นว่าคนที่ดียังมีอยู่ในสังคมอีกมาก พอดีครั้งนี้ผมได้รับคำเชิญจาก คุณอาทิตา ตุลยวานิช(จอย) และ คุณกิตติพล คณธิคามี(เดียร) ซึ่งตอนนี้ผันตัวเองมาผลิตมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองบนเนื้อที่ กว่า 150 ไร่ ผมมีโอกาสเข้าเยี่ยมเยียน(ก่อนคนอื่น) ในช่วงที่มะม่วงกำลังจะเก็บเกี่ยวได้ เดินดูอยู่สักสองชั่วโมง และเดินพูดคุณกับ คุณเดียร ในหลายประเด็น ก็ให้รู้ถึงจิตสำนึกที่ถูกฝึกอบรมมาอย่างดีสำหรับการเป็นเกษตรกรมืออาชีพ ที่นอกเหนือจากเป็นผู้รวบรวมมืออาชีพมาแล้ว
“เนื้อที่ค่อนข้างมากดูแลอย่างไรถึงได้มีมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด” ผมเอ่ยถามขณะเดินสำรวจท่าม กลางอากาศเย็นสบายยามเลยเที่ยงวัน ต้นเดือนมกราคม
“ผมทำจริงครับพี่ ผมมีลูกน้องดี ขยัน และฉลาด และผมลงทำเอง คุมเอง” คุณเดียร กล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างมั่นใจ และกล่าวต่อ
“ตัดแต่งกิ่ง การพ่นยา ใส่ปุ๋ย ผมเน้นเรื่องของความถูกต้อง แม่นยำ และรวดเร็วครับ เช่นพ่นยา ผมพ่นทั้งคืนจนเสร็จ ตอนกลางคืนลมไม่แรง อากาศไม่ร้อน ทำงานง่ายกว่ากลางวัน ทำให้เสร็จเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่อ้างโน้นอ้างนี้...ทำต้องทำให้เสร็จ ผลผลิตจะได้เป็นมาตรฐานเดียวกันหมด ผมแกะถุงไหนก็ได้ มาตรฐานเดียวกัน”
“ถูกต้องครับ ผมเห็นมามากแล้ว พอมีที่มาก ทำมาก ก็กลายป็นผู้จัดการ สั่งอย่างเดียว พนักงานรู้บ้างไม่รู้บ้าง ทำกันไปเรื่อยเปื่อย ผมเดินดูแล้ว เห็นว่า คุณเดียรตั้งใจ เอาจริงเอาจัง และที่สำคัญก่อนทำงานทุกครั้งต้องเรียกพนักงานใหม่มาซักซ้อมทำความเข้าใจ พนักงานเก่าก็ต้องบอกกล่าวย้ำเตือน สุดท้ายตัวเราต้องเฝ้าระวัง ตรวจสอบดูว่าเป็นไปอย่างที่เราสั่งหรือไม่...” ผมกล่าวเสริม และสบสายตาอย่างชื่นชม
“ครับผมทำอย่างที่พี่บอกนั่นละครับ ผมไม่ปล่อยครับ ลูกน้องเหนื่อย เราเหนื่อยด้วย ลูกน้องทำเราทำด้วย ลูกน้องหยุดเราหยุดด้วย ผมทำอย่างนี้มาตลอด และยึดเป็นแนวทางในการบริหารงานครับ”
“ผมเดินดูถุงที่ห่อ แล้วรู้สึกสบายใจ เพราะคุณห่อได้ดี ใช้ถุงใหม่ การห่อของคุณทุกห่อผมเห็นชัดว่ามีความละเอียดปราณีต ช่วงระหว่างขั้ว ที่มีก้านยาวคุณเอาออกไว้ด้านนอกหมด ทุกห่อคุณคัดเลือกผลที่สมบูรณ์ห่อ การห่อ สนิทแนบกับขั้วทุกผล การใช้ลวดที่ติดมากับถุงทำได้อย่างปราณีต และที่สำคัญคุณใช้ถุงใหม่ทั้งหมด นี่คือข้อได้เปรียบที่คุณมีเหนือคนอื่น....” ผมกล่าวชื่นชมพร้อมทั้งสุ่มแกะห่อออกดูมากพอสมควร ก่อนที่จะออกปากชม
“ผมให้ลูกน้องห่อไม่เกินสามวันเสร็จ และห่อเป็นแบบที่พี่ชฎิลเห็นทุกห่อ คัดลูกสมบูรณ์ ห่อเป็นรุ่น ใช้ถุงใหม่ ห่ออย่างปราณีต ใช้เวลาห่อให้สั้นที่สุด นี่คือวินัยที่ผมยึดปฏิบัติ และจะทำความเข้าใจกับพนักงานก่อนห่อทุกครั้ง” คุณเดียร์ขยับหมวกกันแดด และมองผมอย่างมั่นใจ
“อีกอย่างที่อยากจะบอก คุณเดียรตัดแต่งกิ่งให้ออกในช่วงที่ไม่ใช่ฤดูกาล แบ่งเป็นโซน ๆ ใครว่าทำยากอย่างไร เชื่อผมเถอะครับผมเห็นมานักต่อนัก ถ้าคิดว่าทำได้...มันก็ทำได้ แต่ถ้าคิดว่าเป็นอุปสรรค์ทุกอย่างก็จะเป็นอุปสรรค์ไปหมด ทำให้เกิดความท้อแท้...”ผมกล่าวเตือนอย่างจริงใจ
“ผมเตรียมไว้แล้วครับ ผมจะให้ออกช่วงเกือนกรกฎาคม สิงหาคม และกันยายน ครับ จะแบ่งเป็นโซน ๆ ไปให้ชัดเจน ผมคิดว่าทำได้ครับ” กล่าวอย่างมั่นใจก่อนพาผมไปดูแหล่งน้ำที่สมบูรณ์ที่อยู่ด้านหน้าอย่างไม่น่าเชื่อ ว่ามีความอุดมสมบูรณ์ได้ขนาดนั้น
“อีกอย่างที่ผมอยากจะบอก คือเรื่องการตรวจสอบดิน อย่าลืมนะ นี่เป็นหัวใจสำคัญของการทำการเกษตรที่จะสืบถอดเป็นมรดกไปถึงลูกหลาน เราเอาธาตุอาหารเขาออกมาเท่าไร เราควรใส่ให้เขากลับคืนไปเท่านั้น เขาก็จะอยู่กับเรานานแสนนานนะ”ผมกล่าวเป็นเชิงตรรกะ และยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ที่เห็นคนหนุ่มสาวที่มีความมุ่งมั่น ขยันอดทน คิดแบบบูรณาการ ซื่อสัตย์ รับผิดชอบ
“ครับผมจะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด และจะทำตามคำแนะนำตามค่าวิเคราะห์ดินและพืชครับ”
“เมื่อไหร่เก็บได้ละชุดนี้...”ผมหยอดคำถามง่าย ๆเพื่อดูท่าทีของคุณเดียร
“หลายคนให้ผมเก็บ ผมยังไม่เก็บเพราะมันยังอ่อน นี่เพิ่งจะสัก 75% หลายบริษัทมาให้ราคาสูง ให้ผมเก็บ อย่างไรผมก็ไม่เก็บ เพราะถ้าอ่อนไปลูกค้ารับไม่ได้ ที่สุดผมก็ต้องรับกรรม ผมถือเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และเป็นวินัยที่ต้องยึดเป็นหลักธรรมประจำใจ ใครจะว่าอย่างไรผมไม่สน ราคาจะถูกเมื่อถึงเวลาเก็บผมก็ยอม” คุณเดียรกล่าวอย่างเชื่อมั่นในวิธีคิดของตนเอง
“ถูกต้องครับ นี่แหละที่ผมอยากเห็นเกษตรกร เป็นตัวของตัวเอง มีความรู้ ความเข้าใจ มีคุณธรรม และนี่แหละที่ผมเรียกว่าเกษตรมืออาชีพไง”คุณเดียรยิ้มอายๆก่อนร่ำลากันไปในบ่ายคล้อยที่อากาศเย็นสบายท่ามกลางธรรมชาติ ขุนเขา และต้นไม้เขียวชอุ่มไปทั่วสุพรรณบุรี
ก่อนจบ ผมขอนำเอาเหตุการณ์ สองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนมกราคม มาเป็นแบบอย่างในการรวมเครือข่ายที่อยู่ใกล้เคียง และร่วมจัดเป็นงานเดียวกัน ประหยัด และทำให้เกษตรกรเกิดความใกล้ชิด คุ้นเคย และถ่ายทอดองค์ความรู้ซึ่งกันและกัน คือวันที่ 14 มกราคม 2553 และเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2553ทั้งสองงานถือว่าเป็นงานใหญ่ที่รวบรวมเกษตรกร กลุ่ม สหกรณ์ และผู้ส่งออกมานั่งเซนต์สัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดมาเป็นสักขีพยาน และเป็นผลงานของภาครัฐ ส่วนผู้ส่งออก และกลุ่มที่เซนต์สัญญาก็เป็นอันรู้กันว่า สัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษร ฤาจะสู้สัญญาใจ ที่ต่างคนต่างเข้าใจในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะปริมาณ และราคา บางครั้งในฤดูกาลมีผลผลิตมาก ราคา จำนวนก็ยืดหยุ่นกันไป ในช่วงมีน้อย ก็แบ่งสรรปันส่วนอย่างเป็นธรรม ตรงไปตรงมา เท่านี้ก็เป็นสัญญาใจซึ่งกันและกัน ผูกมัดยิ่งกว่าสัญญาใด ๆ
งานแรก จัดขึ้นที่จังหวัดพิษณุโลก เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2553 ที่ทำการกลุ่มพัฒนาไม้ผลตำบลวังทับไทร โดยมี สามกลุ่มร่วมมือกัน คือ กลุ่มพัฒนาไม้ผลตำบลวังทับไทร อ.สากเหล็ก จ.พิษณุโลก โดย คุณนคร บัวผัน เป็นเจ้ามือจัดงาน กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกมะม่วงบ้านหนองหิน ต.พันชาลี อ.วังทอง โดย คุณบัญหยัด ชาญฝั่น และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านคลองวังเรือ ตำบลพันชาลี อำเภอวังทอง จ.พิจิตร งานนี้เกษตรกร และผู้ส่งออกมาพร้อมหน้าพร้อมตา จัดงานใหญ่โต มีอาหารเลี้ยง มีบริษัทต่าง ๆ มาออกบูชแสดงสินค้า ผมมีโอกาสแนะนำหนังสือ “เปลี่ยนสู่ความสำเร็จ” ก่อนวันเปิดตัวสมาคมชาวสวนมะม่วงไทย
อีกงาน ที่จัดที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นงานใหญ่ในรอบปี เป็นการประชุมสัมนาเชื่อมโยงการผลิต การตลาด และการจัดทำข้อตกลงทางการค้าแบบมีพันธะสัญญา (Contract Farming) มะม่วงระดับประเทศ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับ สมาคมชาวสวนมะม่วงไทย จัดประชุมกันที่ โรงแรม วังธารา แอนด์ รีสอร์ท จังหวัดฉะเชิงเทรา มีคนร่วมงานร่วม 500 คน โดยการรวมกลุ่มต่าง ๆ จากทั่วประเทศมาร่วมเซนต์สัญญาซื้อขายล่วงหน้า มีทั้งผู้ส่งออก สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร เกษตรกร บริษัทร้านค้ามาร่วมงานกันคับคลั่ง นับเป็นงานที่มีผู้ร่วมงานมากที่สุดเท่าที่เคยจัดมาครับ วันนั้น ผู้บริหารภาครัฐ ผู้ว่าราชการจังหวัด เกษตรจังหวัด ผู้บริหารจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สส. สว. มากันพร้อมหน้า เนื้อหาในงานแน่นจนไม่มีเวลาได้พูดคุยกับเกษตรกร และกลุ่มต่าง ๆ แค่ผู้ใหญ่พูดก็หมดไปแล้วครึ่งวัน อันนี้ก็เป็นวิธีการจัดงานที่เหมือน ๆ ทุกครั้ง เกษตรกร และผู้ส่งออกต้องการทราบปัญหาว่าปีนี้จะมีมะม่วงเมื่อไร เท่าไร ตลาดที่สำคัญมีที่ไหน มากกว่า การเสวนาเรื่องเก่า ๆ วิชาการ จนเกษตรกรฟังไม่รู้เรื่องเดินเกร่ไปเกร่มาด้านนอก
งานนี้ ผมมีหนังสือมาฝากหนึ่งเล่ม เป็นหนังสือที่เกิดจากความมุ่งมั่น ตั้งใจ ด้วยจิตและวิณญาณของคนรักหนังสือ รักการเขียน และรักการทำหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ กลั่นกรองจากหัวใจ บรรจงร้อยเรียงลงเป็นหนังสือที่มีคุณค่า ของ ดร.กาจนา สุทธิกุล กัลยาณมิตรที่มีจิตใจดีงาม มีคุณธรรมเป็นแกนหลักในการดำเนินชีวิต มอบให้กับสมาคมชาวสวนมะม่วงไทย จำนวน 300 เล่ม เพื่อเป็นทุนในการบริหารจัดการในสมาคม ราคาเล่มละ 149.- บาท สั่งซื้อได้ที่สมาคมชาวสวนมะม่วงไทย หรือสั่งซื้อตรงที่ ดร.กาญจนา สุทธิกุล เงินรายได้ มอบเป็นทุนให้กับนักศึกษาไทยไปศึกษาที่ไต้หวัน ที่เหลือเก็บเป็นทุนทำเล่มต่อไป ขอให้ความมุ่งมั่น ความตั้งใจนี้เป็นพลังขับเคลื่อนให้เล่ม 2 คลอดมาเร็ว ๆ หลายคนรออ่าน หนังสือดี ๆ อย่างนี้ต้องช่วยกันสนับสนุนครับ ไม่ได้มุ่งหวังกำไรด้านธุรกิจ มุ่งหวังถ่ายทอดองค์ความรู้สู่เกษตรกรไทยที่ห่างไกล และโดยเดี่ยว ใครสนใจก็ลองโทรไปที่ 084-949-0204 ใครที่รักมะม่วง อยากทำมะม่วง อยากรู้เรื่องตลาด หนังสือเล่มนี้มีคุณค่า น่าอ่านน่าเก็บครับ!!!

วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2552

การทำมะม่วงนอกฤดู ตอน : การห่อผลอย่างมีประสิทธิภาพ

Text Box:  การทำมะม่วงนอกฤดู

ตอน : การห่อผลอย่างมีประสิทธิภาพ

โดย ชฎิล นิ่มนวล.

chadyl@windowslive.com


นับตั้งแต่เดือนธันวาคม ไล่เรื่อยมาจนถึงกลางเดือนมิถุนายนปีนี้ เป็นปีที่ชาวสวนมะม่วงได้รับผลกระทบมากที่สุดปีหนึ่ง เนื่องจากผลผลิตที่ออกมาจากทั่วสาธิตของเมืองไทยกระจุกตัวตลอด ทำให้ราคามะม่วงไม่เป็นอย่างที่คาดคิด ทั้ง ๆ ที่ปีนี้คุณภาพมะม่วงดูดีกว่าปีที่ผ่านมา(หรือจำนวนมะม่วงมีให้เลือกมาก) ประกอบกับเศรษฐกิจจากทั่วโลกส่งผลต่อการบริโภคภายใน และต่างประเทศ ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกระทบ ทั้งตัวเกษตรกร และทั้งบริษัทผู้ส่งออก หลายบริษัทต้องรัดเข็มขัด หลายบริษัท ปฏิบัติตนผิดคุณธรรมอย่างน่ารังเกลียด เลิกจ้างพนักงานอย่างไม่เป็นธรรม ข้อกล่าวหาก็เป็นไปแบบน้ำขุ่น ๆ วันนี้ผมขอใช้เนื้อที่ท่านผู้อ่านพูดถึง บริษัทที่เอาเปรียบพนักงาน อย่างน้อยสองบริษัทที่รู้จัก ทำอย่างเดียวกัน ทำอย่างน่าระอาย ขาดคุณธรรม อย่างนี้ต้องประจานให้สังคมได้รับรู้ ถึงการปฏิบัติอย่างขาดจิตสำนึกขององค์กรที่ไร้ธรรมาภิบาล รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น ผมขอเนื้อที่เพียงย่อหน้าเดียวเขียนถึงวิธีที่บริษัทดังกล่าวกระทำต่อพนักงาน!

ข้อกล่าวหาที่ง่ายที่สุดคือ กล่าวหาว่าพนักงานมีนอกมีนัยกับกลุ่ม ที่ขายมะม่วง ให้พักงาน พอเอากลุ่มมายืนยันเข้าจริง ๆ กลุ่มเกษตรกรไม่ยอมหาว่าดูถูกกลุ่ม เกษตรกรเหล่านั้นโทรมาต่อว่า บางรายจะฟ้องร้องเอาด้วยซ้ำ จนในที่สุดกลัวจะโดนฟ้อง เลยเปลี่ยนข้อกล่าวหา เป็นว่า ทำให้บริษัทเสียหาย เวลาออร์เดอร์มาไม่สามารถหามะม่วงให้ได้ เวลา ออร์เดอร์มีน้อยกลับสั่งมะม่วงมามาก ทำให้บริษัทเสียหาย เออ ข้อกล่าวหาแปลกดี ทำอย่างกับว่ามะม่วงเป็นสินค้าอุตสาหกรรมจะผลิตเมื่อไร เท่าไร ขนาดไหนก็ทำได้ ไม่ย้อนกลับไปดูตัวเองว่าทำไมถึงขายไม่ได้ วางแผนอย่างไร เข้าใจเนื้อแท้สินค้าเกษตร มากน้อยแค่ไหน เคยรู้หรือไม่ว่าปัญหาของมะม่วงคืออะไร บางครั้งได้ยินพูดก็เหนื่อยแทน เช่น ถามเกษตรกร ว่าทำไมไม่ผลิตลูกใหญ่ ๆ พอผลิตลูกใหญ่ก็ไม่ซื้อ ก็กลับถามอีกว่าทำไมไม่ผลิตลูกกลาง ๆ เหล่านี้เป็นคำถาม ของคนที่ไม่รู้จริง และสิ่งเหล่านี้ ต้องเข้าใจการตลาด และต้องอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจ มิใช่มัวโทษชาวบ้าน แต่ไม่เคยมองตัวเองเลยว่า ตัวเองไม่มีประสิทธิภาพ ขาดความรู้ ความเข้าใจ เป็นนักธุรกิจ เปิดบริษัท ขายสินค้า แต่ตัวเองไม่รู้จักสินค้าของตัวเอง จะอยู่รอดหรือ? ?? เห็นแล้วก็ให้ปลงอนิจัง ภายนอกแสดงตัวต่อสังคมเป็นคนใจบุญสุนทาน อย่างนี้โบราณเรียกมือถือสากปากถือศีล จะดูต่อไปว่า บริษัทแบบนี้จะอยู่ไปได้สักกี่น้ำ คนเก่ง ๆ ดี ๆ ถูกกล่าวหา คนใกล้ชิดยุแยงตะแคงรั่ว หูเบาเชื่อคนรอบข้างไม่สืบสวนให้ชัดเจน อย่างนี้ผมเห็นมานักต่อนักแล้ว ก็ขอให้บุญกรรมที่ทำไว้ตอบแทนเอาตามกรรมของแต่ละคนที่ทำกันไว้ เถิดครับ...

เอาละครับ พอหอมปากหอมคอ เดี๋ยวนี้ สังคมมองหาองค์กรที่มีธรรมาภิบาลยากครับ ผมเองพยายามพูดเรื่องนี้บ่อยครั้ง จนหลายท่านอาจจะมองว่าเป็นนามธรรมที่จับต้องไม่ได้ แต่สิ่งเหล่านี้ครับ เป็นต้นตอ หรือรากเง้าของความยั่งยืนของการดำรงชีวิต การทำธุรกิจ ครับ เอาละครับ ขอโทษท่านผู้อ่านที่ใช้เนื้อที่มากไปหน่อย

ในช่วงเวลาต่อไปนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดของการทำมะม่วงนอกฤดู ซึ่งเกษตรมืออาชีพที่คร่ำหวอดในวงการมะม่วงเลือกช่วงเวลานับตั้งแต่เดือนกรฏาคม จนถึงเดือนธันวามคม เป็นช่วงผลิต ส่วนจะออกเดือนไหนก็ขายได้ทั้งนั้น ความต้องการสูง ราคาสูง แต่ผลิตยาก เกษตรกรหลายท่านที่ปากช่อง สระบุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง สิงห์บุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบ เตรียมตัดแต่งกิ่ง มาตั้งแต่เดือนที่ผ่าน ๆ มา หวังว่าอีก สี่ ห้าเดือนข้างหน้าขายได้ราคางาม อย่างไรก็คงไม่ต่ำกว่า 70-80 บาท/กก. อย่างแน่นอน การทำมะม่วงนอกฤดู แม้ว่าจะได้ราคางาม แต่อุปสรรค์ที่สำคัญ คือการผลิตมะม่วงนอกฤดูนั้นต้องผ่าฝนอย่างแน่นอน หากปีนี้ฝนตกชุกหนาแน่น หรือตกแช่นาน ก็คงเหมือน ๆ ปีที่ผ่านมา เมื่อเวลาช่วงดึงดอกฝนตก จะเสียหาย เพราะฉะนั้น เกษตรกรสามารถคำนวนได้เลย ว่า อีกสี่เดือนข้างหน้ามะม่วงจะหายาก ราคาจะสูง หากใครมีเทคนิคผ่าฝนได้สำเร็จก็รอรับเงินได้เลยครับ!

ที่พูด ๆ ดูเหมือนง่าย แต่เวลาทำจริง ๆ ยากเย็นแสนเข็น ต้องละเอียดพิถีพิถัน ลงทุนมาก ฝนตกแต่ละครั้ง นั่นก็หมายความต้องฉีดพ่นยา สารเคมีช่วย ถ้าใช้ของดี ราคาก็แพง ถ้าใช้อย่างฉลาด รู้จริง สามารถประหยัดต้นทุน เช่น มะม่วงเป็นโรคอะไร ควรใช้ยา หรือสารเคมีชนิดไหน? ใช้ปริมาณเท่าไร?ใช้อย่างไร? เครื่องมืออุปกรณ์ คุณภาพอยู่ในสภาพพร้อมใช้หรือไม่ อย่างไร ถูกต้องหรือไม่ เป็นต้น การเป็นคนช่างสังเกตุ การเรียนรู้ ความเข้าใจ ประสบการณ์ การ เปิดใจ รับฟังอย่างไตร่ตรง อย่าเป็นชาล้นถ้วย ทุกอย่างคิดว่ารู้แล้ว หรือรู้แล้วไม่ปฏิบัติ เหล่านี้เป็นอุปสรรค์เล็ก ๆ น้อย ๆ แต่เมื่อรวมตัวกันกลับกลายเป็นอุปสรรค์ใหญ๋ที่แก้ไขยาก โดยเฉพาะทัศนคติที่ฝังรากลึก ยิ่งแก้ยาก พอผลิตออกมาแล้วคุณภาพไม่ดี จะให้ผู้รับซื้อลดหย่อนคุณภาพ ลดเกรด เพื่อขายราคาเดียวกัน ยัดใส้ อะไรทำนองนี้ อย่าลืมนะครับว่าผู้ส่งออกไม่ใช่ผู้จ่ายเงินซื้อคนสุดท้าย ผู้บริโภค เป็นคนตัดสินใจจะซื้อ บนเงื่อนไขง่าย ๆ 4 ประการ คือรสชาติต้องดี รูปลักษณ์ต้องสวยงาม ต้องมีความปลอดภัย ราคาเป็นธรรม เห็นหรือยังครับ นี่เป็นเงื่อนไขง่าย ๆ แม้แต่ตัวเราเองก็ยังใช้เงื่อนไขนี้ซื้อสินค้าเหมือนกัน ดังนั้นที่ใครต่อใครชอบพูดว่าทำไมไม่สอนให้ผู้บริโภค รับประทานของไม่สวย ย้อนถามตัวเราเอง ของไม่สวยเราจะซื้อหรือไม่ หรือถ้ามีของสวยกับไม่สวย วางคู่กัน รสชาติเหมือนกัน ปลอดภัยเหมือนกัน ราคา เท่า ๆ กัน ถามว่าจะเลือกซื้อตรายี่ห้อไหน ผมกำลังหมายถึง ว่า มะม่วงไม่ได้มีจากประเทศไทยแหล่งเดียว(ในประเทศมีจากทุกจังหวัด) ไม่ใช่มีจากประเทศไทยประเทศเดียว บนตลาดสากล มีวางขายจากทุกมุมโลก อย่างตลาดรัสเซีย เป็นตลาดเปิดเสรี ผักผลไม้จากทั่วโลก ลองหลับตานึกเอาเถิดครับ จะทำอย่างไรให้ขายได้ ขายดี ขายได้ราคา ขายได้อย่างต่อเนื่อง ง่ายหรือยากครับ!!! อย่างเช่นการทำมะม่วงนอกฤดู ใช้ใช้ถุงห่อมะม่วง ผมว่ามีความสำคัญ มากเหมือนกันลองอ่านดูครับ

การใช้ถุงห่อมะม่วง ผมมองว่าเป็นเทคนิคการผลิตมะม่วงขั้นพื้นฐาน เพื่อเพิ่มมูลค่าทั้งด้านราคา คุณภาพ ผิวพรรณความสวยงาม อีกทั้งยังป้องกันศัตรูพืชและเชื้อโรคต่างๆ ลดค่าใช้จ่ายในการใช้สารเคมี ค่าแรงงาน รวมถึงความปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคและผู้ใช้สารเคมีอีกทางหนึ่งด้วย ที่จริงการห่อมะม่วงมีมานานมากกว่าสามสิบปีแล้ว แต่สมัยก่อนนั้นใช้กระดาษหนังสือพิมพ์บ้าง กระดาษสีน้ำตาล (ถุงปูนซีเมนต์) บ้าง เพื่อป้องกันการขีดข่วนของกิ่ง ป้องกันโรค แมลงต่าง ๆ รวมทั้งสัตว์ปลีก เช่นนก ค้างคาว เป็นต้น

การห่อผลอย่างประณีต ทำให้รักษาผิว การติดแทบสีเพื่อให้เห็นถึงความแตกต่างของแต่ละรุ่น

ผิวมะม่วงมีความบอบบาง เมื่อเกิดกระทบกระเทือน หรือเกิดการเสียดสีจากกิ่ง ใบ ก้าน ผลเสียดสี เกิดการเคลื่อนไหวเนื่องมาจากแรงลม ทำให้ทิ้งร่องรอย ขยายใหญ่ขึ้นเมื่อผลโต หรือเมื่อเกิดการกระทบรุนแรงอาจมียางไหลเปื้อนผิวมะม่วง ทำให้เกิดแผล ผลเน่า เชื้อโรคต่างๆ เข้าสู่ผลมะม่วงได้ง่าย บางช่วงมีน้ำค้างแรง ฝนตกติดต่อหลาย ๆ วัน ทำให้เกิดความชื้น เชื้อราเติบโตได้ดี หรือเกิดจากแมลงที่ถ่ายมูลลงมา หมักหมมทำให้เกิดเชื้อรา เหตุผลเหล่านี้ ทำให้ผิวของมะม่วงมีรอยด่างดำไม่สวยงาม แมลงวันทอง นับเป็นภัยสำคัญที่ส่งผลต่อชาวสวนมะม่วง และเป็นเงื่อนไขสำคัญในการส่งออกไปต่างประเทศ แมลงวันทอง และแมลงชนิดต่าง ๆ รวมทั้งสัตว์ปีก เป็นเรื่องยุ่งยากในการใช้สารเคมีกำจัด หากใช้ถุงห่อจะช่วยลดความเสียหายจากการเข้าทำลายได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ ในเขตพื้นที่มีสภาพแวดล้อมที่ใช้สารเคมี หรือมลพิษจากสารเคมี การใช้ถุงยังช่วยป้องกันสภาพสิ่งแวดล้อมรอบข้างได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเกษตรกรที่มีปัญหาไม่ได้ใช้สารเคมีที่ทางราชการห้ามใช้ แต่เมื่อเก็บเกี่ยว และนำไปตรวจสอบกลับพบว่ามีสารพิษตกค้างปะปนอยู่บ่อยครั้งโดยหาสาเหตุไม่พบ

การห่อยังมีปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้การห่อได้ผลสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ดังนั้นการเตรียมพื้นที่ การตัดแต่งกิ่ง การกำจัดวัชพืช การดูแลความสะอาดทั้งพื้นดิน บริเวณรอบโคนต้น ลำต้น กิ่ง ใบ ช่อ จำเป็นต้องรักษาให้สะอาด พื้นดินควรปราศจากแหล่งสะสมที่มาของเชื้อโรค วันก่อนผมได้นั่งคุยกับ คุณมนตรี ศรีนิล กลุ่มวิสาหกิจชุมชนโป่งตารอง เรื่องเชื้อราแอนแทรกโนส ที่เกิดบนผิวมะม่วง และเชื้อที่แฝงภายใน คุณมนตรีให้ความสำคัญกับการเตรียมพื้นที่มาก เกษตรกรจำเป็นต้องดูแล สังเกตุ และเอาใจใส่ อย่างพิถีพิถัน ปราณีตบรรจง การใช้สารเคมี ต้องใช้อย่างเคร่งครัด ซึ่งจะขอกล่าวในหัวข้อต่อไป การใส่ปุ๋ยตามสภาพดิน ต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียด ทั้งทางพื้นดิน ทางใบ การตรวจสอบธาตุในดินทั้งธาตุหลักและธาตุรอง มีความสำคัญ ถ้าต้นไม้แข็งแรง ภูมิต้านทานจะดี ไม่ต่างจากคน ใบก็เช่นกัน

เป็นประตูด่านแรกที่สามารถบอกเราได้ว่ามะม่วงเกิดปัญหาอะไร การเป็นคนช่างสังเกตุ พบเห็นอะไร หรือสงสัยอะไร ปรึกษาหารือผู้รู้ เปิดใจรับฟังแล้วนำมาทดลอง เมื่อได้แนวทางแล้วอย่าสับสน เชื่อคนโน้น เชื่อคนนี้ นั่นแหล่ะการผลิตจะไม่ได้ผล เมื่อเราทดลองแล้ว พบว่าแนวทางนี้ถูกต้องให้เฝ้าสังเกตุต่อ ติดตามอย่างต่อเนื่อง แล้วจะพบแนวทางที่เหมาะสมกับพื้นที่ของตนเอง ที่สำคัญทุกคนต้องมีวินัยในการทำงาน อย่าคิดว่าทำเล่น ๆ ต้องเอาจริงเอาจัง อย่าคิดว่ารู้แล้ว เป็นแล้ว ดีแล้ว มีปัญหาทุกราย ที่สำคัญพอมีปัญหา โยนความผิดไปให้ผู้อื่น ตัวเองถูกอยู่คนเดียวอันนี้ไม่ถูกครับ พื้นดินควรมีการพรวนดินพอประมาณแล้วใส่ปุ๋ยทุก ๆ ปี การขาดธาตุแคลเซี่ยมเป็นปัญหาสำคัญประการหนึ่งของแปลงปลูกมะม่วง และส่งผลต่อการห่อผลมะม่วงด้วยเช่นกัน เพราะจะทำให้ผลล่วง หรือถ้าไม่ล่วงรสชาติจะเปลี่ยนไป ช่วงที่ฝนตกมาก ควรมีการให้ธาตุนี้ช่วยเพื่อเสริมรสชาติให้คงที่ หมั่นสังเกตุช่อดอกมะม่วง หากเกิดอาการเหี่ยวเฉาจำเป็นต้องพ่นสารช่วยทางใบ 3-4 ครั้งติดต่อกันเป็นต้น

ผลมะม่วงที่เมื่อแกะถุงจะมีสภาพสวยงาม บริเวณแปลงปลูกที่ได้รับการดูแลความสะอาด

มะม่วงในเขตร้อนชื้นอย่างเช่นประเทศไทย มีอัตราการติดผลค่อนข้างยาก ผลมักร่วงเร็ว การห่อผลมะม่วงไม่ควรห่อก่อน 35-45 วันหลังการติดดอก (ผลประมาณไข่ไก่) เพราะถ้าผลเล็กยังไม่สลัด จะทำให้ผลล่วง สิ้นเปลืองถุง แรงงาน เวลา ค่าใช้จ่าย ถ้าห่อเมื่อผลใหญ่ (ควรห่อให้อยู่ในถุงอย่างน้อย 45 วันขึ้นไป) จะทำให้สีผิว ไม่ขาว นาวล สดใส และอาจจะไม่ช่วยป้องกันสารพิษตกค้าง ตลอดจนการป้องกันแมลง เชื้อรา เช่น แอนแทรคโนส โดยเฉพาะมะม่วงน้ำดอกไม้เบอร์สี่ ถ้าห่อผลใหญ่จะทำให้เมื่อสุกสีไม่เหลืองสดสวยเหมือนน้ำดอกไม้สีทอง ส่วนมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง พอที่จะอนุโลมได้ แต่ก็ต้องระวังเรื่องสารพิษตกค้าง ร่องรอยการเสียดสีที่อาจจะเกิดขึ้นจากก้าน ใบ หรือกิ่งที่เสียดสี เมื่อลมพัดกรรโชก หรือโรคเกิดการสะสมจากเชื้อที่ผสมกับน้ำค้างที่เกิดบริเวณขั้ว รวมทั้งแมลงวันทอง ยังเป็นสาเหตุที่สำคัญที่ไม่สามารถส่งออกได้

การคัดเลือกผลที่สมบูรณ์ที่จะห่อ ต้องมีทั้งรูปทรงที่ตรงตามสายพันธุ์ ไม่มีลักษณะที่ผิดปกติ (กระเทย) ไม่มีร่องรอย เป็นโรค หรือมีจุดด่าง ดำ เชื้อรา เมื่อพบควรตัดผลที่ไม่สมบูรณ์ออก (รวบรวมไปทำลาย อย่าทิ่งไว้ในบริเวณพื้นที่เด็ดขาด) เพราะถ้าห่อ เมื่อผลโต ร่องรอยเหล่านั้นจะขยายใหญ่จนทำให้ผิวไม่สวยตกเป็น เกรด บี ซี หรือบางครั้งตกเกรดขายไม่ได้ราคา ส่วนในช่อเดียวกัน ควรเก็บไว้ไม่เกินสองผล เพราะมากเกินไปจะทำให้ผลเล็กเกินขนาด หรืออาจจะล่วงได้เมื่อห่อไปได้ระยะหนึ่ง ไม่ควรห่อผลหลายผลในถุงใบเดียวกัน ควรแยกใช้ถุงละผล เพราะถุงที่ทำมานั้นสำหรับใช้เพียงผลเดียว หากมีผลคู่ควรพิจาณาให้ดี (พลิกดูด้านที่ผิวสัมผัส) ทางที่ดีควรเหลือไว้เพียงผลเดียวปลอดภัยที่สุด ก่อนห่อต้องดูแลความสะอาดว่ามีเชื้อโรคหมักหมมบริเวณขั้ว และผิว อาจจะต้องใช้น้ำสะอาดล้าง ใช้แปลง หรือภู่กันเล็ก ๆ ปัดให้สะอาด ก่อนจุ่มสารเคมี หรือฉีดพ่นหลายคนอาจจะฟังดูแล้วขัดหูขัดตา แต่เชื่อผมเถอะ หากหวังผลร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ละเอียดพิถีพิถัน ปราณีตในการคัดเลือก สังเกตุ ทำความสะอาด จะทำให้การห่อเสียค่าใช้จ่าย ค่าถุง ค่าแรง ค่าเก็บเกี่ยวจิปาถะครับ

การห่อผลมะม่วงด้วยถุงกระดาษ แม้ว่าจะเป็นการลดต้นทุนการใช้สารเคมี ลดอันตรายจากสารเคมีต่อผู้ใช้ แต่ถ้าเกษตรกรนำเอาถุงกระดาษที่มีคุณภาพไม่ดีมาห่อ ยิ่งจะเพิ่มต้นทุนและยังส่งผลต่อผลผลิตที่จะเก็บเกี่ยวไม่มีคุณภาพ ไม่สามารถป้องกันสารเคมี ศัตรูพืชและเชื้อโรค ยังจะทำให้เกษตรกรสูญเสียเงินจำนวนมาก และสูญเสียโอกาสในการผลิตมะม่วงที่มีคุณภาพออกสู่ตลาดอีกด้วย วันก่อนได้พบกับเกษตรกรรายหนึ่งบอกว่าตนเองต้องห่อหมดทุกผลเพราะขณะนี้โรงงานที่รับซื้อไปแช่แข็งก็ต้องการผลห่อ ว่าคิดให้ดี เพราะเมื่อเฉลี่ยแล้วทำให้มะม่วงเกรด เอ บี มีต้นทุนสูง ดูแล้วไม่คุ้มทุน แท้ที่จริงควรแยกให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของการห่อ

เนื่องจากปัจจุบันมีหลายบริษัทที่นำถุงเข้ามาขาย มีตั้งแต่ราคาถูก(0.60-1.50 บาท/ใบ) จนถึงราคาแพงให้เลือก ซื้อหากันตามความสัมพันธ์ของคนขาย สิ่งที่ผมจะพูดให้ฟังคือ ถุงทุกชนิดที่ใช้ต้องนำมาใช้ให้ตรงความวัตถุประสงค์ และคุ้มค่ากับราคาที่จ่าย ผมขอแยกเป็น สองส่วนคือส่วนที่ใช้กับมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง และส่วนที่ใช้กับมะม่วงน้ำดอกไม้เบอร์สี่ ส่วนมะม่วงอื่น ๆ รวมทั้งตกเกรดยังไม่ขอพูดในคราวนี้

สำหรับถุงที่ใช้กับมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง นั้นควรเป็นถุงสองชั้นที่เคลือบสีดำทั้งสองชั้นโดยที่ขนาดของความหนาไม่จำเป็นต้องหนามากนัก เพราะจะทำให้ราคาแพง แต่ที่สำคัญควรมีการเคลือบไขชนิดบาง เพื่อป้องกันเวลาน้ำ ค้างตอนเช้าที่เกิดขึ้นในหน้าหนาว ยิ่งบริเวณไหนมีน้ำค้างแรง หรือมีฝนตกบ่อย โดยเฉพาะการผลิตมะม่วงนอกฤดู ต้องห่อผลมะม่วง ในฤดูฝน ควรเลือกที่มีการเคลือบไขหนา ไม่ซึมหรืออุ้มน้ำในเนื้อกระดาษ รูที่เจาะต้อง ไม่ติดสนิท บางยี่ห้อ กาวติดปิดรูระบายน้ำ ทำให้น้ำขังผมไปพบเจอมาแล้วครับ ถ้าเลือกถุงที่ไม่เคลือบ ราคาถูกอาจจะเกิดปัญหาซึมน้ำ และเมื่อฝนตกติดต่อกัน จะทำให้เกิดเชื้อรา ทำให้เป็นรอยด่างบนผิวเกิดความเสียหายได้ หรือบางครั้งฉีดสารเคมี ทำให้เกิดรอยไหม้ รอยด่างที่ซึม หรือแรงดันจากหัวฉีด ผ่านเข้าถึงผิวมะม่วงได้ ปีที่ผ่านมาฝนตกมาก เกษตรกรที่ใช้ถุงบางไม่เคลือบหรือใช้ถุงซ้ำสอง เจอปัญหานี้ทั้งสิ้น การนำถุงมาใช้ ซ้ำสอง ซ้ำสาม ผมไม่สนับสนุนครับ อย่าประหยัดในสิ่งไม่ควรประหยัด ได้ไม่คุ้มเสีย ไปดูมาหลายต่อหลายแห่งแล้วปัญหาเป็นเหมือนกัน ที่สำคัญปีนี้ พบการทำรายของสารเคมีที่ผ่านเข้าถุงที่ใช้ซ้ำ อย่างน่าเสียดาย อย่างไรก็ตาม เกษตรกรต้องหมั่นสังเกตุฤดู หรือสังเกตุดูพื้นที่ที่ผลิตด้วยว่า น้ำค้างแรง หรือฝนตกชุกหรือไม่ เรียกว่าต้องติดตามจากกรมอุตนิยมวิทยา คิดวิเคราะห์ด้วยว่ามรสุม เกิดจากด้านไหนส่งผลต่อการผลิตในแปลงของตนอย่างไร อย่านำเอวิธีของพื้นที่หนึ่งมาใช้กับอีกพื้นที่หนึ่ง คนละสถาณการ์ คนละพื้นที่ไม่เหมือนกันครับ

ถุงเก่า ที่ทำให้สารเคมีเข้าทำลายผิวมะม่วงด้านในห่อ

วิธีทดสอบถุงว่ามีคุณภาพหรือไม่ ให้ทดลองฉีกถุงกระดาษตามขวางถ้าเป็นขุยแสดงว่าเป็นกระดาษที่ผลิตจากผลิตภัณฑ์จากพืช ถ้าฉีกแล้วไม่มีขุยแสดงว่าใช้ผลิตภัณฑ์จากพืชเป็นส่วนผสมน้อย ไม่ทนต่อสภาพการใช้งาน ทดลองให้น้ำไหลผ่านถุงทั้งด้านนอก (สีเหลือง) และด้านใน (สีดำ) ถ้าเกาะเป็นหยดน้ำ แสดงว่าเป็นถุงที่มีคุณภาพดีเนื้อแน่น และต้องเคลือบไข (ด้านสีเหลือ) แต่ถ้าซึมและเปียกเป็นถุงที่มีคุณภาพต่ำ เมื่อฝนตกหรือโดนน้ำค้าง จะทำให้ซึมเข้าถึงผลมะม่วงได้ หรือทดลองเผาถุง ถ้าขี้เถ้ายังคงสภาพเป็นรูปเดิม ไม่แตกกระจายเป็นเศษเล็กๆ แสดงว่าเป็นกระดาษคุณภาพดี จะทดลองแช่น้ำแล้วใช้มือขยี้ถุงกระดาษถ้าไม่เป็นขุย แสดงว่าเป็นกระดาษคุณภาพดี ทนแดดและฝน หรือจะทดลองเอาถุงกระดาษครอบแก้วน้ำร้อนเอายางยืดรัด สังเกตุดูว่ามีไอความร้อนลอยขึ้นเหนือกระดาษหรือไม่ ถ้ามีแสดงว่าสามารถระบายอากาศได้ดี เป็นต้น

ในการห่อผลมะม่วง หลายท่านยังมองว่าการห่อด้วยถุงเป็นเรื่องง่าย ไม่ให้ความสำคัญ บางคนจ้างแรงงานต่างด้าว เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง บางรายจ้างเหมาเป็นร้อย ยิ่งไปกันใหญ่ ต้องให้ความสำคัญ เพราะเมื่อเราห่อไปแล้ว เราไม่ได้เปิดออกดู เป็นระยะเวลานานกว่าสี่สิบสิบห้าวันขึ้นไป หากการห่อไม่ละเอียดพิถีพิถัน ไม่ตรวจสอบ ใช้ถุงที่ขาดคุณภาพ ใช้สารเคมีที่มีคุณภาพต่ำ หรือผสมไม่ตรงกับฉลากที่แนะนำ จะด้วยประหยัด หรือหวังผลมากเกินไปก็แล้วแต่จะคิดกันไป ที่สำคัญต้องให้ความสนใจ ดูว่าสามารถป้องกันเชื้อราได้ในรอบระยะเวลาที่อยู่ในถุงให้พอดี ก่อนห่อควรทำเครื่องหมายที่ถุงเพื่อเป็นที่สังเกตุว่า เป็นรุ่นไหน สังเกต หากมีน้ำค้างมากในตอนเช้า ให้ใช้สำลีชุบยาฆ่าเซื้อรา พันที่ขั้ว แล้วห่อโดยใช้รวดที่ติดมากับถุง พันให้รอบและพับลงให้ลวดลัดลงปิดร่องรอยของน้ำที่จะไหลย้อยลงสู่ถุง ข้อสำคัญอย่างบีบแรง เพราะลวดจะทำให้ไปกดจนขั้วไม่สามารถลำเรียงน้ำและอาหารสู่ผล จะล่วงในที่สุด

การให้น้ำ ก่อนจะห่อมะม่วงควรให้น้ำให้ชุ่มฉ่ำ 1 ครั้ง รอจนกว่าพื้นดินแห้งแล้วจึงเริ่มห่อ สวนมะม่วงที่มีสปิงเกอร์ หรือระบบหยดน้ำ จะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำได้เป็นอย่างดี การให้น้ำอย่างทั่วถึงเป็นการรักษาต้นให้อยู่ในสภาพดี มีผลโดยตรงกับต้น และผลมะม่วงในระยะยาวทำให้ต้นมะม่วงไม่โทรมเร็ว การใช้สารเคมี ควรให้ความสำคัญกับการกำจัดศัตรูพืชและเชื้อโรคก่อนที่จะทำการห่อ ไม่ว่าจะเป็นศัตรูพืช เช่น เพลี้ยแป้ง เพลี้ยไฟ ฯลฯ รวมถึง เชื้อรา (แอนแทรคโนส) โดยต้องพ่นหรือจุ่มสารเคมีให้ตรงกับชนิดของศัตรูพืชและเชื้อราที่ต้องการป้องกัน บางท่านอาจจะใช้วิธีพ่น ต้องระวังพ่นให้ทั่วถึง บางท่านมีพื้นที่มากอาจจะใช้รถฉีดพ่น ยิ่งต้องระวังให้มาก สาเหตุรอยไหม้บริเวณก้นของผลมะม่วง จะเกิดจากการใช้สารเคมีราคาถูก หรือกรณีที่ใช้สารเคมีมีคุณภาพแต่ส่วนผสมไม่เป็นไปตามที่ฉลากระบุ (ใช้ส่วนผสมมากเกินไปเพื่อหวังผลมากเกินไป) หลังจากจุ่มหรือพ่น ควรรอจนผลมะม่วงแห้งแล้วจึงห่อ ถ้าจะให้ผลสมบูรณ์ไม่ควรห่อผลช่วงที่มีอุณหภูมิสูง เพราะอาจทำให้ผลร่วงได้ง่าย

ช่วงเดือน ต้นเดือนกรกฎาคม ผมมีโอกาสได้ไปเยี่ยมเยียนสวนวังน้ำทิพย์ ได้พูดคุยกับคุณ ณัฐวรรณ ด่านชัยวิจิตร ที่ตั้งอยู่ทที่แม่สรวย จังหวัดเชียงราย ได้สำรวจสวนที่มีมะม่วง มากกว่า 10,000 ต้น เป็นมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองประมาณ 35% เบอร์สี่ 65 % ในแต่ละปีเก็บผลผลิตได้ มากกว่า 100 ตัน ที่น่าสนใจคือปริมาณเกรดเอ มากกว่า 60% ส่วนเกรด บี 20% ที่เหลือเป็นเกรด ซี ซึ่งคุณภาพสวยงาม และขายได้ราคาสูงกว่าทุกสวน ผมได้พูดคุยกันอยู่นาน ก็พบว่า คุณณัฐวรรณ ด่านชัยวิจิตร ให้ความสำคัญกับการห่อผลมาก ละเอียดพิถีพิถัน ทุกห่อ ทุกผล กำหนดวัตถุประสงค์ชัดเจน ผลที่ไม่ดีตัดทิ้งหมด ทั้งที่คนงานที่เห็นก็ไม่ใช่คนเก่งอะไรนัก เป็นชาวเขา ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง แต่อยู่ในกฏระเบียบวินัย มีคนงานทั้งสิน 70 กว่าคน คุณอดิทัต เจนจรัสเมทา บุตรเขย เป็นผู้ดูแล คุณ ณัฐวรรณ เล่าให้ฟังว่า

ดิฉันให้ความสำคัญกับการห่อผลมาก บริเวณขั้วจะให้พับให้ชิดกับขั้ว แล้วใช้ลวดที่ฝังมาด้วยรัดเบา ๆ แล้วหักมุมลงมาให้สนิทกับขั้ว ด้านปลายที่พับใช้เม็กเย็บเพื่อกันลมกระพือ ถุงทุกใบต้องสำรวจก่อนว่ารูที่เจาะมา กาวไปติดจนปิดรูระบายน้ำหรือไม่ ส่วน คนงานเรามีการอบรมก่อนห่อจริง ซึ่งปกติทั่วไปจะห่อได้วันละเป็นพันถุงต่อคนต่อวัน แต่ที่นี่เน้นให้พนักงานห่ออย่างประณีต ดังนั้นแต่ละคนจะห่อผลได้เพียงประมาณ 100 กว่าห่อเท่านั้น หญิงวัยกลางคนที่มีบุคคลิกน่าเกรงขาม กล่าวอย่างภาคภูมิใจในผลงานที่วางอวดโฉมต่อหน้าผม

เราเดินดูสวน และเก็บรายละเอียดที่สวนแห่งนี้สร้างเป็นตำนานของการผลิตมะม่วงมืออาชีพส่งญี่ปุ่นซึ่งเป็นระดับเวิอร์ดคราส ที่น่ายกย่องและยึดเป็นแบบอย่างครับ

คุณณัฐวรรณ ด่านชัยวิจิตร แห่งสวน วังน้ำทิพย์ สวนวังน้ำทิพย์

นี่แหละครับ ความยากของการทำมะม่วงเพื่อการส่งออก หากเกษตรกรคนไหน ไม่ขยัน ไม่อดทน ไม่ช่างสังเกตุ ไม่พิถีพิถัน ไม่ประณีตบรรจง เป็นคนไม่ละเอียด คิดแต่จะเป็นผู้จัดการ แต่ไม่เคยอยู่จัดการ จะไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตการทำการเกษตร เพราะเท่าที่ผมเห็นเกษตรกรที่ทำงานแบบประณีต บรรจง แม้ว่าจะทำไม่มาก ผลผลิตมีคุณภาพ ขายได้ราคาสูง ไม่ต้องทำมาก ทำเอง เพราะการทำการเกษตร ยิ่งจ้างมาก ยิ่งควบคุมยาก ขาดทุนมาก ที่สำคัญ เกษตรกรเหล่านั้น แม้จะทำแค่ห้าไร่ สิบไร่ หากแต่เกษตรเหล่านั้น มีความซื่อสัตย์ มีความรับผิดชอบ มีเมตตา ให้อภัยด้วยแล้ว ผมมักเรียกเกษตรกรเหล่านั้น ว่าเกษตรกรมืออาชีพครับ !!!

รัสเซีย : ผักและผลไม้สด ตลาดใหม่ ที่น่าจับตามอง

รัสเซีย :

ผักและผลไม้สด ตลาดใหม่ ที่น่าจับตามอง

โดย ชฎิล นิ่มนวล.

วิหารเซนต์บาซิลถือว่าเป็นสัญญลักษณ์ของกรุงมอสโคว์

Text Box:  กลางเดือนพฤษภาคม 2552 ผมได้รับเชิญจากลูกค้าที่มอสโคว์ ให้ไปเยี่ยมเยียน เพื่อ หาแนวทางร่วมกันในการขยายตลาด ผัก ผลไม้สด โดยได้รับความเอื้อเฟื้อ ตั๋วเครื่องบินชั้นธุรกิจ พร้อมที่พัก จาก คุณพจน์ เทียมตะวัน แห่งHeritage Trans International Co., Ltd แผนการถูกกำหนดง่าย ๆ เพราะโปรแกรมที่จะไปเยี่ยมลูกค้า เพื่อหาแนวทางแก้ไข พร้อมกับขยายตลาด นั้นก็คือ ติดตามสินค้าตั้งแต่ต้นทางจนถึง สถานที่จำหน่าย ให้เกิดความเข้าใจในปัญหาที่แท้จริง เป็นพื้นฐานในการผลิตผักผลไม้สด ให้ตรงความต้องการของผู้บริโภค ครับ!

คณะเราออกเดินทางด้วยเที่ยวบินที่ TG 974 เวลา 10:35 น. ตรงตามตารางบิน ใช้เวลาบิน 9 ชั่วโมง 50 นาที ด้วยระยะทาง 4,385 ไมล์ หรือ 7,055 กม. ในการเดินทางมีความสะดวกสบาย เพราะไม่ต้องวุ่นวายเรื่องของการจัดทำวีซ่า(VISAS) แต่อย่าวางใจ ตรวจสอบหนังสือเดินทาง(PASSPORT) ว่ายังคงมีระยะเวลาก่อนหมดอายุไม่น้อยกว่า 6 เดือน แม้ว่าทางรัสเซีย จะอนุโลมให้ก่อนหมดอายุ 2 เดือนยังใช้ได้ ก็อย่าเสี่ยงเพราะใจหายใจคว่ำ ผมเจอมาแล้ว ที่สุดก็ผ่านได้ การเดินทางในทริปนี้ ใช้เวลาร่วม 10 ชั่วโมง ที่อยู่บนเครื่อง นับว่าเป็นเวลายาวนานพอสมควร ผ่อนคลายด้วย อาหาร และ โปรแกรมบันเทิงที่มีอยู่ บรรเทาความเบื่อที่ต้องนั่งอยู่กับที่นาน ๆ ผมไปพร้อมๆ กับ คุณ ALEX STAR ลูกค้าที่ผมรู้จักมานานกว่า 7 ปี ที่มาเที่ยวชม งาน THAIFEX-World of Food Asia 2009 ที่จัดขึ้น ระหว่างวันที่16-20 พฤษภาคม 2552 ที่ IMPACT Challenger ร่วมกับคุณพจน์ เทียมตะวัน คุณวัชระ โกศัลวิตร ผู้จัดการทั่วไป IMPEX GOURMET CO.,LTD ซึ่งเป็นบริษัท ตัวแทนในการส่งออก และนำเข้าที่จดทะเบียนทั้งในประเทศไทย และที่รัสเซีย

ผมผ่านขบวนการตรวจคนเข้าเมืองอย่างง่าย ๆ ที่สนามบินที่ปรับปรุงใหม่ ไม่เข้มงวด อาจจะเป็นเพราะความสัมพันธ์ทางการทูตที่ดีทำให้สองประเทศ ลดระเบียบขั้นตอนในการเข้า-ออกลงมาก ผมมาถึง สนามบิน โดโมเดโดโว (Domodedovo :DME) เวลา ประมาณ 16.48 น. เวลาท้องถิ่น เราออกมารอ คุณ ALEX STAR ที่จอดรถทิ้งไว้ตั้งแต่ 4 วัน ก่อนไปเมืองไทย คณะออกมายืนรอนอกอาคาร สัมผัสแรกที่ได้รับ คือความหนาวเย็นที่มีลมโชยอ่อน ๆ พัดผ่านปะทะหน้า ให้รู้สึกลึกถึงความหนาวเย็นที่ห่างหายมานาน ปรับเปลี่ยนจากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวในเมืองไทย ปุยเมฆ ที่กระจัดกระจายไปทั่ว บ้างเป็นสีขาว บ้างเป็นสีคล้ำ เห็นชัดว่าเวลาใกล้เคียงอาจมีฝนโปรยปรายลงมาได้ ที่นี่คนหนาแน่พอสมควร บ้างก็มารับ บ้างก็มาส่งกันเหมือนสนามบินทั่วไป ที่แตกต่าง เห็นจะเรื่องการสูบบุหรี่ของคนที่นี่อิสระ มีให้เห็นหนาตาพอสมควร อาจจะเป็นวัฒนธรรมของคนที่นี่ก็เป็นได้ ผมรอสัก 10 นาที รถของ คุณ ALEX มาจอด เราขนสัมภาระที่มีกันคนละไม่มากใส่ท้ายรถ ก่อนมุ่งตรงสู่โรงแรม เพราะทุกคนต่างเหนื่อยอ่อนต่อการเดินทาง ร่วมสองชั่วโมงในการเดินทางสู่โรงแรม แอร์โรสตาร์ กับการจราจรที่คับคั่งหนาตา รถใหม่ ๆ หรู ๆ เพิ่มขึ้นจากสองปีที่แล้วที่ผมมาเยือน นั่นแสดงว่าสภาพเศรษฐกิจของที่นี่มีการเปลี่ยนแปลง แต่กลับแปลกใจเมื่อมาถึงที่โรงแรมกลับเหงียบเหงา นักท่องเที่ยวบางตาเพราะพิษเศรษฐกิจที่ระบาดไปทั่วโลก ผู้คนมาพักมีบ้างแต่ไม่พลุกพล่าน เหมือนเมื่อครั้งที่แล้วที่ไปพักที่โรงแรม คอสโม ซึ่งมีจำนวนห้องมากเป็นพันห้อง มีสถานบันเทิงทุกรูปแบบครบถ้วน

สถานที่ขายผลไม้ที่เปิดเป็นร้านเล็ก ข้างถนน ร้านขายผักในตลาดสด DINAMO

หลังจากถึงโรงแรม ล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น คุณวัชระ ชวน คณะเดินสำหรวจดูตลาดสด DINAMO ที่อยู่ใกล้ ๆ ที่พัก(เดินร่วม 3 กม.) เราเดินผ่านย่านชุมชนที่เป็นที่พักอาศัยของคนในมอสโคว์ เป็นตึกคล้ายคอนโดสูงหลายชั้นในบ้านเรา แบ่งสรรอย่างลงตัวเป็นระเบียบเป็นแห่ง ๆ ไม่เต็มเหมือนในเมืองไทย มีสวนสาธารณะ มีต้นไม้ใหญ่มากเรียงรายไปทั่ว ทุกแห่งหน แสดงให้เห็นว่าที่นี่มีการอนุรักษ์ ต้นไม้ ประกอบกับเป็นช่วงที่ผ่านฤดูกาลที่หนาวเย็นจัด ต้นไม้ผลัดใบ เริ่มเขียวชอุ่มมองไปทางไหนให้สดชื่นบริสุทธิ เย็นสบาย ผ่อนคลายความตรึงเคลียดจากงานที่รุมเร้า แม้ว่าเดินไกลก็ไม่รู้สึกเหนื่อยล้า ไม่มีเหงื่อ ในบริเวณนี้ เป็นย่านชุมชนที่พักที่ถูกจัดสรรให้ทุกคนมีที่บ้านตามฐานะของแต่ละคน บางแห่งเป็นย่านของคนมีชื่อเสียง บางแห่งป็นที่อยู่อาศัยของศิลปินดูเป็นระเบียบ ไม่แข่งกันสร้างเหมือนทั่วไป พอถึงบริเวณตลาดก็ให้เกิดความรู้สึกว่าเมื่อยขึ้นมาทันที เพราะตลาดสดปิดตั้งแต่เวลา 1 ทุ่ม เรามาถึงทุ่มเศษ จึงตัดสินใจหาร้านอาหารรับประทานที่ MAKCUMA Restaurant ไม่ห่างจากตลาดสดมากนัก เราต่างคนต่างสั่ง แม้ว่าเป็นร้านอาหารที่คนรัสเซียเข้ามารับประทานกัน แต่อาหารที่เราสั่งก็เป็นอาหารที่คนทั่วไปสามารถรับประทานได้ เช่น สเต๊กเนื้อ ปลาแซลมอล กุ้ง รสชาติใกล้เคียงกับคนไทยมากครับ แต่ราคาสุดโหด มือนี้ปาเข้าไป สี่พันกว่ารูเบิล หรือสี่พันกว่าบาทไทย เล่นเอาสะดุ้งเหมือนกัน แม้ว่าจะด้รับรู้มาก่อนหน้านี้ว่า ที่มอสโคว์ เป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสูงอันดับหนึ่งของโลก(จากการสำรวจ ของบริษัท เมอร์เซอร์ฮิวแมน รีซอร์ส คอนซัลติ้ง) หลังจากนั้นเราขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินกลับที่พัก เพื่อเอาแรงในวันรุ่งขึ้น

ภายในโกดังเก็บของ ตรวจสอบลำไยที่ผมส่งมา

วันนี้หลังจากอาหารเช้า เรามีโอกาสได้เข้าเยี่ยนที่ทำการของคุณ ALEX และห้องเย็นสำหรับเก็บสินค้า เพื่อตรวจสอบสินค้าต่าง ๆ ที่เมื่อมาถึงแล้วมีปัญหาอะไรบ้างที่ต้องแก้ไข หรือพัฒนาต่อยอดให้ได้คุณภาพ ตรงตามความต้องการของลูกค้า หลายสิ่งหลายอย่างที่เรามอง กับหลายสิ่งหลายอย่างที่ลูกค้าต้องการ และผู้บริโภคมองอาจแตกต่างกัน ต้องถูกปรับจูนอย่างเป็นกลาง อย่าข้างตัวเอง เพราะผู้บริโภค เป็นผู้จ่ายเงิน ยิ่งในสภาวะเศรษฐกิจของโลกตกต่ำ อย่างไรก็กระทบไปทั่วทั้งโลก ที่รัสเซียก็ถูกผลกระทบเช่นกัน ใครที่รู้เท่าทัน ก็สามารถผ่าคลื่นวิกฤตเอาตัวรอดได้ แม้ว่าไม่ได้ร้อยเปอร์เซนต์ แต่สามารถประคองตัวอยู่ได้ อย่างไม่ยากเย็นเกินไป ผมได้พบ และได้พิสูจน์ งานวิจัยหลายอย่างได้เห็นชัดและประจักษ์ ว่า เรื่องของรสชาติ เรื่องของความสวยงาม เรื่องของความปลอดภัย เรื่องของคุณค่าทางโภชนาการ โดยผ่านตัวสินค้า ที่ผมเรียกมันอยู่ตลอดเวลา ว่า Product Talk ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ได้ชัดเจน เพราะลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ และบอกต่อ ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การบริหารจัดการก็ง่ายขึ้น ระบบต่าง ๆ ง่ายขึ้น ต้นทุนทั้งทางตรงทางอ้อม เริ่มเฉลี่ยต่ำลง จากราคาที่คุ้มค่าเงินสำหรับผู้ซื้อ เริ่มถูกพัฒนาให้เกินกว่าความคาดหวังของผู้บริโภค สร้างความภักดีของตัวสินค้า ตัวแบรนด์ และตัวองค์กร ทั้งผู้บริโภค ลูกค้า และพนักงานในที่สุด

สิ่งเหล่านี้ครับ ที่ผมเพียรพยายามสร้าง เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง มั่นคง และยั่งยืน เพราะนี่คือที่มาของผลตอบแทนที่เป็นทั้งในรูปของ ตัวเงิน การสนับสนุน การบอกต่อ การทุ่มเท การเสียสละ ร่วมแรงร่วมใจ ยิ่งได้สิ้นค้าที่มีคุณภาพ คุณค่าเกินกว่าราคา เกินความคาดหวังของผู้บริโภค

นี่คือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่ใช้เวลาในการสร้าง ในการรักษา และดูแล ผมเห็นสินค้าของผมที่สร้างตั้งแต่แปลงผลิตจากเกษตรกร ผ่านขบวนการผลิต ผ่านระบบโลจิสติกที่สมบูรณ์ ผ่านระบบการกระจายสินค้าอย่างมืออาชีพ สู่ห้างสรรสินค้าสุดหรูกลางกรุงมอสโคว์ และผ่านตลาดสดศูนย์กลางระดับไฮโซ(เหมือน ตลาด อตก.) ที่มีของจากทั่วโลกวางแข่งขันอวดโฉมอย่างอิสระเสรี เรียกว่าเป็นตลาดที่เปิดกว้างสำหรับผักผลไม้ทั่วทั้งโลก ชนิดใครดีใครอยู่ มะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง แตงโมตอปิโด หน่อไม้ฝั่ง ส้มเขียวหวาน มะละกอ เงาะ มังคุด ลำไย ลิ้นจี่ Passion Fruit และผลไม้อื่น ๆ จากเมืองไทยที่วางจำหน่าย อวดสายตาชาวโลก ทำให้ผมเกิดความรู้สึก ความภาคภูมิใจที่เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว ผมมุ่งมั่นส่งสินค้าเกษตร สู่ตลาดโลก ด้วยปรัชญาง่าย ๆ ว่า ขายผักผลไม้ ต้องขายคุณภาพให้เกินความคาดหวังของลูกค้า มาบัดนี้ ความมุ่งมั่น บนความเชื่อที่อยู่ใต้จิตสำนึกตลาดเวลา ว่าทุกครั้ง อย่าคิดแทนผู้บริโภค ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา มีความซื่อสัตย์ มีความรับผิดชอบ อย่าหลอกหลวงตัวเอง ลูกค้า ผู้บริโภค เพื่อร่วมงาน แม้ว่าเขาคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม เหล่านี้ถูกหล่อหลอมจากชีวิต ความเป็นอยู่ ที่พ่อแม่พร่ำสอนตลอดชีวิตของท่าน

ร้านขายผลไม้สดในตลาดสด DINAMO แม่ค้าโชว์แตงโม และมะม่วงที่ขายในร้าน

ตลาดรัสเซีย ยังเป็นตลาดที่เปิดกว้างรอรับสำหรับผู้ส่งออก ผู้แสวงหาตลาดใหม่อย่างไร้ขีดจำกัด แต่นั่นก็หมายความว่า สถานที่แห่งนี้ เป็นตลาดที่พร้อมสำหรับมืออาชีพเพื่อเข้าสู่สนามการแข่งขัน ที่ต้องพร้อมทุกด้าน เพราะเป็นตลาดเปิดที่ผักผลไม้ ดอกไม้จากทั่วทุกมุมโลก และต่างฝ่ายต่างมุ่งเป้ามาที่เดียวกัน เพราะข้อจำกัดต่าง ๆ มีน้อย คนนิยมบริโภค รักสวยรักงาม ให้ความสำคัญต่อการดูแลสุขภาพ หากเราเดินผ่านหญิง-ชายในวัยหนุ่มสาว สักสิบคน เราจะพบว่าสักหกคนเป็นคนที่มีรูปร่างได้สัดส่วน ผิวพรรณสวยงาม โครงร่างหน้าตาเหมือนนางแบบ มีหลายคนเล่าให้ฟังว่า ผู้หญิงที่นี่สวย ถ้าใครจะไปบ้าน จะต้องเป็นคนที่สนิทมากที่สุดเท่านั้น มิฉะนั้นเขาจะ ไม่ยอมให้เข้าบ้านเด็ดขาด เพราะทุกสิ่งทุกอย่างทุ่มให้กับการแต่งตัว ดูแลสุขภาพ และอาหารการกิน อย่างไรก็ขอสวย งาม สมส่วนไว้ก่อน ไม่แปลก ผลไม้ ผักที่นี่ขายได้หมด เชื่อหรือไม่ว่า มะม่วงน้ำดอกไม้ไทย ใส่ถาดพลาสติก ขายกก. ละ 560 รูเบิล ประมาณ 560 บาทครับ สำหรับเราแพงระยับครับ แต่ที่นี่ขายได้ และขายได้ดีด้วยครับ คนที่นี่ซื้อรับประทานครับ แต่อย่างที่บอก การที่คนรัสเซีย ซื้อของราคาแพง นั้นมีเหตุผลที่สำคัญ เพราะมีคุณค่าทางอาหารสูง ผมซื้อทับทิมที่มาจากต่างประเทศ กิโลกรัมละ 400 รูเบิล สวย และน่ารับประทาน มีคุณค่าทางอาหารสูง ผมก็ใช้ตรรกะเดียวกัน

ผมมีโอกาสเดินชมตลาดอยู่นานร่วมสองชั่วโมง เพราะความสุขของผมทุกครั้งที่เดินทางไปต่างประเทศ คือการดูตลาดสด เพราะชีวิตผมเกี่ยวข้องกับผักและผลไม้สดจนแยกไม่ออกครับว่า ความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ไหน การเดินทางไปต่างประเทศแต่ละครั้ง สิ่งที่ผมจะเก็บเกี่ยว คือ ความต้องการของตลาดที่แท้จริง การเดินสำรวจอย่างละเอียด สังเกตุ และเก็บกลับมาสังเคราะห์ เพื่อหาว่า สินค้าแต่ละชนิดสร้างความแตกต่าง แตกต่าง และก็แตกต่างกว่าของคนอื่น เมื่อเทียบกับของเราอย่างไร? ผมเห็นผลไม้ที่วางอยู่ ผมสามารถพูดคุยได้โดยไม่ต้องฟังเสียงเชียรจากเจ้าของร้าน หรือคนขาย ผมสามารถสื่อสารเป็นภาษาใจ ภาษาตา และสร้างอารมณ์ในช่วงเวลาสั้น ๆ ได้ นี่คือเคร็ดลับของผมในการสร้างสินค้าเกษตรให้โด่งดังในตลาดโลกครับ หากว่าสินค้าของท่าน วางเหมือน ๆ คนอื่น หรือของที่ท่านขาย ราคาถูกกว่าคนอื่น ขายได้ครับ! แต่ขายได้ไม่ยั่งยืน เพราะนั่นคือจุดเริ่มต้น ที่ผู้บริโภคบางคนยอมซื้อ เพราะยังไม่สามารถแยกแยะโดยใช้เหตุผล แต่อาจใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ แต่หลังจากรับประทาน ลิ้มรสชาติของผลไม้แล้ว อารมณ์จะถูกสร้างขึ้นมาอีกแบบหนึ่ง และอารมณ์แบบนี้ล่ะครับที่นักการตลาดต้องการ เพราะจะมีส่วนสำคัญในการตัดสินใจซื้อ ซื้อซ้ำ บอกต่อ สนับสนุน ปกป้อง สินค้าของเรา อย่างบริสุทธิ และจริงใจ พลังเหล่านี้ถือเป็นพลัง และอำนาจในการซื้อที่เข้มแข็ง มั่นคง และยั่งยืนครับ!

มะม่วงที่ขายดี ในตลาดสด ย่าน DINAMO ผลไม้พร้อมรับประทานที่ขายในห้างหรู

คณะเดินชมตลาดสดผมใช้เวลานาน เพื่อพินิจพิเคราะห์ในแต่ละชนิดของผลไม้ แล้วคิดเรื่อยเปื่อยไปถึง เมืองไทย เกษตกรไทย ว่า ผลไม้อะไรที่เราผลิตได้ สามารถเปิดตลาดได้บ้าง จะได้กลับไปคิดและพัฒนาต่อยอด โดยเริ่มต้นตั้งแต่ปรับเปลี่ยนวิธีคิดของเกษตรกร การผลิตอย่างมืออาชีพ การสร้างเกษตรกรมืออาชีพ กระบวนการผลิตและแพ็คกิ้งอย่างมืออาชีพ ระบบโลจีสติก อย่างมืออาชีพ และการติดต่อกับลูกค้าที่กระจายสินค้าอย่างมืออาชีพ ผมไม่รีบขาย ไม่รีบหาลูกค้า เพราะเน้นที่ดูแลลูกค้าเป็นสำคัญ ที่หลายคนพูดว่า การหาลูกค้าที่ดี ว่ายาก การดูแลลูกค้าให้อยู่กับ

เราให้นานยิ่งยากกว่า แต่การดูแลลูกค้าว่ายาก ผมว่าการที่ให้ลูกค้ามีความรู้สึกว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของเขานั้นยากที่สุด นั่นหมายถึงเรากำลังนั่งระหว่างกลางหัวใจของลูกค้า รายละเอียดปลีกย่อย เรียกว่า ต้องมีอารมณ์โรแมนติกตลอดเวลา ฝึกคนที่จะเป็นนักขายมืออาชีพให้ได้สักหนึ่งคน ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร หลายคนถามผมว่าคำว่ามืออาชีพเป็นอย่างไร? ผมว่าไม่ใช่แค่คุณธรรม(ความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบ ความมีเมตตา การเป็นคนที่ให้อภัย) อย่างเดียว แต่ต้องอยู่ ที่ประสบการณ์ บูรณาการกับองค์ความรอบรู้ และต้องเป็นองค์ความรู้ที่หลากหลาย การเป็นคนช่างสังเกตุ ความละเอียดรอบครอบ ความประณีตบรรจงในการทำงาน การเป็นคนที่มีอารมณ์โรแมนติก เข้าใจตนเอง เข้าใจลูกค้า เข้าใจผู้บริโภค เข้าใจคนรอบข้าง สร้างสรรค์ผลงานที่แตกต่าง แตกต่าง และแตกต่าง ให้กับสินค้า สินค้าของเรา เราต้องรู้มากกว่าลูกค้า เราต้องให้คำปรึกษากับลูกค้าได้ เราต้องรู้เท่าทันตลาด กระแสของตลาด กระแสของการเปลี่ยนแปลง แนวโน้ม รู้เศรษฐกิจ รู้วัฒนธรรม รู้กฏระเบียบ รู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้อง เพราะเราจะอ้างกับใครไม่ได้ว่าไม่รู้ ในโลกของการแข่งขัน โลกของความเป็นจริงเป็นอย่างนั้นครับ หรือที่ใคร ๆ เรียกว่ามีวิสัยทัศน์นั่นแหละครับ!

ร้านขายผลทั่วไปที่อยู่ข้างถนน ผลไม้ที่ขายในห้างหรูกลางกรุงมอสโคว์

ผมเดินดูทั่วตลาดอย่างอย่างพิถีพิถัน แล้วครั้งต่อไป ผมจะเขียนอย่างละเอียดทีละเรื่อง ๆให้ท่านอ่าน เสร็จแล้วผมก็ผ่านเลยไปดู ในห้างสรรพสินค้าในระดับห้าดาว ก้าวแรกที่เดินเข้าสู่ประตูห้าง ก็เห็นการจัดวางผักผลไม้สด ที่เป็นที่สุดของโลกวางอยู่เต็มไปหมด ท่านเชื่อหรือไม่ว่าหัวใจผมพองโตขนาดไหน เพราะสินค้าที่วางอยู่เห็นเด่นชัดคือ ผักผลไม้ที่มาจากเมืองไทย และส่วนหนึ่งมาจากบริษัทที่ผมอยู่ ความรู้สึกดีใจแทนเกษตรกรคนไทยทุกครั้ง เมื่อเดินทางไปต่างประเทศ มันเป็นความรู้สึกที่อยากจะเก็บรายละเอียดให้มากที่สุด เพื่อร้อยเรียงเป็นภาษาเขียนที่ผู้อ่านอ่านแล้วเกิดอารมณ์ยินดีร่วมกันครับ และสิ่งเหล่านี้เป็นเสมือนพลังที่ทำให้ผมคิดอย่างต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา ว่าจะพัฒนาอย่างไรบนพื้นฐานของข้อมูลที่แท้จริงที่มาจากงานวิจัยจริง ๆ นั่นก็หมายความถึงว่าผมคิดจากภายนอกเข้ามา(out side in) ไม่ใช่คิดจากเราออกไป(in side out) เรื่องนี้สำคัญมากครับ เพราะหลายคนคิดว่าการประชุมปรึกษาหารือกัน จะได้คำตอบของความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค ผิดครับ!!! เพราะหลายครั้งลูกค้าต้องการอย่างที่เราคาดไม่ถึง หลายอย่างเกิดจากประสบการณ์ หลายอย่างเกิดจากองค์ความรู้ และหลายอย่างเกิดจากวิสัยทัศน์ แต่อย่างหนึ่งที่คนมักจะขาด คือความมุ่งมั่น ความปราณีต ในการเป็นนักการตลาด สุดท้ายการควบคุมอารมณ์ให้นิ่ง ใช้หลักการและเหตุผล บนหลักวิชาการ จะเป็นตัวแบบที่ยึดและนำมาปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลตามมา

ผมใช้เวลาในการสำรวจตลาด จนที่สุด ผมก็ได้ความจริงบางประการว่า ตลาดรัสเซีย เป็นตลาดที่เปิดกว้างสำหรับผักผลไม้ทั้งโลก และเนื่องจากเป็นตลาดที่ยังมีข้อจำกัดในด้านสุขอนามัย กฏระเบียบยังไม่เข้มงวดเหมือนสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น ซึ่งขณะนี้มีไม่กี่ประเทศที่เปิดโอกาสอย่างนี้ เช่น แคนนาดา เป็นตลาดเก่าที่การแข่งขันในเรื่องราคาสูง ตลาด ตะวันออกกลาง ก็แข่งขันในด้านราคาสูงเช่นกัน สวิสเซอร์แลนด์ ยังเป็นตลาดที่น่าสนใจ เกาหลี แม้ว่าจะมีข้อจำกัดในเรื่องของการนำเข้า แต่ผลไม้บางอย่างยังเปิดกว้าง เช่น มะม่วงน้ำดอกไม้

คุณพจน์ เทียมตะวัน โชว์ทับทิม ให้ดู มะม่วงไทย กับมะม่วง จากอินเดีย ประกบคู่กัน

ผมออกเดินทางกลับด้วยเที่ยวบิน TG 975 ออกเดินทางจากกรุงมอสโคว์ เวลา 18.20 น. ถึงกรุงเทพ เร็วกว่าตารางการบิน ใช้เวลาบินกลับ 8 ชั่วโมง 45 นาที การเดินทางครั้งนี้ ผมกลับมาด้วย หัวใจที่มุ่งมั่น สร้างสรรค์ผักและผลไม้ไทยให้ยิ่งใหญ่ในตลาดรัสเซีย 7 ปีเศษ ที่ผมบุกเบิกตลาดผักและผลไม้ ในรัสเซีย บทพิสูจน์ แห่งความยั่งยืน ก่อร่างสร้างตัว บนพื้นฐานของการบริหารจัดการทั้งระบบ เชื่อมโยง และดูแลตั้งแต่ต้นน้ำ หมายถึงเกษตรกร ระบบโลจิสติก โรงคัดบรรจุ บรรจุภัณฑ์ การขนส่ง การดูแล เฝ้าระวัง เอาใจใส่ ในตัวสินค้า ให้ได้จำนวนตามที่ลูกค้าต้องการ คุณภาพเกินความคาดหวัง ตรงต่อเวลา รับผิดชอบ ซื่อสัตย์ ทั้งคุณภาพ ราคา คุณค่าที่ลูกค้าและผู้บริโภครับจะต้องเกินความคาดหวัง สร้างเป็นความพึงพอใจ อย่างเต็มใจ เกิดเป็นความภักดี สร้างแบร์นดของตัวสินค้า ขององค์กร เกิดการซื้อซ้ำ บอกต่อ สนับสนุน เกิดเป็นผลตอบแทนทั้งในรูปแบบที่เป็นตัวเงิน และไม่ใช่ตัวเงิน เกิดเป็นความเสียสละทุ่มเท สร้างพลังความคิด พลังสร้างสรรค์อย่างมีคุณภาพ เกิดเป็นความผูกพัน อย่างต่อเนื่อง ที่สุดเกิดความเจริญเติบโต มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อองค์กร คนในองค์กร ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หุ้นส่วน ลูกค้า ผู้บริโภค อะไรจะยิ่งใหญ่ หากผักผลไม้ไทย วางสง่างามบนตลาดรัสเซียที่ถือว่าเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสูงเป็นอันดับหนึ่งของโลก เชียวครับ!!!